ภ.ไทย เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง”

ภ.ไทย เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง”

แชร์

Big Cinema : วันเสาร์ที่ 30 พ.ย. 2556 เวลา 22:45 น.
นำแสดงโดย : วันชนะ สวัสดี / ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ / นพชัย ชัยนาม / ทราย เจริญปุระ

ช่อง 7 สี ขอนำคุณผู้ชมไปพบกับภาคต่อของมหากาพย์ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยด้วยจำนวนผู้ชมภาพยนตร์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ จนได้รับการยกย่องให้เป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหัวใจคนไทย “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง”  ที่สุดแห่งผลงานชั้นเยี่ยมของ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ระดมเหล่านักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทยแทบทั่วทั้งปฐพีเพื่อถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ ในภาค 4 “ศึกนันทบุเรง” เรื่องราวอันเป็นผลจากการปราชัยของหงสาวดี และวีรกรรมของวีรกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรอยุธยา ซึ่งได้ทรงประกอบพระราชภารกิจอันเป็นคุณูประการต่อแผ่นดินเป็นสำคัญ นั่นคือการประกาศเอกราชและการรักษาไว้ซึ่งเอกราช

เรื่องราวอันเป็นผลจากการปราชัยของหงสาวดีในคราวศึก พระยาพะสิม(ครรชิต ขวัญประชา) และพระเจ้าเชียงใหม่ (ชลิต เฟื่องอารมย์) ซึ่งทำให้ พระเจ้านันทบุเรง (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) ทรงตระหนักในพระปรีชาสามารถของ สมเด็จพระนเรศวร (วันชนะ สวัสดี) และในความเข้มแข็งของกองทัพอยุธยา จึงทรงยกทัพใหญ่เป็นทัพกษัตริย์มาย่ำยีราชธานีสยามหวังให้ราบเป็นหน้ากลอง เพื่อเป็นการแก้มือและเพื่อรักษาซึ่งพระเกียรติยศ มิให้เป็นที่ดูแคลนแก่เหล่าเจ้าประเทศราชในการปกครองของฝ่ายพม่า

กองทัพกษัตริย์ของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงมีความสมบูรณ์ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามกว่าทุกศึกประกอบด้วยช้าง ทัพม้า และไพร่ราบ โดยมีนายทัพผู้ปรีชาสามารถมาร่วมรบ กิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของทัพหงสาวดีที่ยกเข้ามานี้ ส่งผลให้เจ้าเมืองในขอบขัณฑสีมาของราชอาณาจักรอยุธยาข้างฝ่ายเหนือประหวั่นพรั่นพรึง ถึงกับสมคบคิดกันแปรพักตร์เข้าสมานสมัคร พระเจ้านันทบุเรง  เป็นเหตุให้ สมเด็จพระนเรศวร ต้องเผชิญทั้งศึกนอกและศึกใน สถานการณ์กลับยิ่งบีบคั้นให้คับขันยิ่งขึ้น เมื่อ พระศรีสุพรรณธรรมธิราช (ดิลก ทองวัฒนา)   พระอนุชาเจ้ากรุงละแวก ซึ่งขัดพระทัย สมเด็จพระนเรศวร แต่กาลก่อน ได้ยุยงให้พระเชษฐาตัดสัมพันธไมตรีกับอยุธยา ละแวกจึงกลายเป็นหอกข้างแคร่ที่พร้อมจะกระหน่ำซ้ำเติมสยามให้ย่อยยับ

ภัยรอบด้านบีบรัดให้ สมเด็จพระนเรศวร ทรงต้องเผชิญศึกอย่างโดดเดี่ยว ซ้ำเคราะห์กลับทับทวีคูณเมื่อสหายศึก เช่น เลอขิ่น (อินทิรา เจริญปุระ) และกองกำลังเมืองคัง ซึ่งร่วมศึกกันมาแต่เบื้องต้นคิดถอนตัวตีจาก เนื่องจากพิษรักระหว่างรบ ที่จบลงด้วยความร้าวฉานระหว่าง เลอขิ่น กับ พระราชมนู (นพชัย ชัยนาม) ขุนศึกคู่พระทัย ความขัดแย้งด้วยเหตุส่วนตัวได้บานปลายกลายเป็นภัยของแผ่นดินในคราวคับขัน

ด้วยข้อจำกัดที่รุมเร้าหลายประการ ผสานกับจำนวนไพร่พลที่เป็นรองหงสาวดีอยู่หลายขุม ทำให้สมเด็จพระนเรศวร ทรงจำต้องปรับยุทธศาสตร์การตั้งรับทัพหงสาวดี โดยทรงใช้พระนครศรีอยุธยาซึ่งมีทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบเป็นฐานบัญชาการรบแต่เพียงแห่งเดียว ทรงส่งกำลังออกไปปักปราการ วางแนวป้องกันมิให้พม่าเข้ามาปลูกค่ายใกล้ขอบคูพระนครและกำแพงเมือง ทั้งยังแต่งกำลังเป็นกองโจรเข้าปล้นค่ายข้าศึกอย่างอาจหาญ

เมื่อศึกเหนือเสือใต้รุมกระหน่ำ อีกทั้งขุนนางผู้ใหญ่ขาดสามัคคีคิดคำนึงแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ชะตากรรมกรุงศรีอยุธยาจะลงเอยอย่างไร ติดตามในภาพยนตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง”