ปู่โสมเฝ้าทรัพย์
 

ปู่โสมเฝ้าทรัพย์

ละครบ่าย เวลา 13.00 น.

บทประพันธ์ : บุราน บทโทรทัศน์ : ศัลยา

สันติ วีระบุญชัย/สุวนันท์ คงยิ่ง/ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล/ดวงดาว จารุจินดา/รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์/รัชนีกร พันธุ์มณี/ชัชฎาภรณ์ ธนันทา/ภารดี อยู่ผาสุข

เรื่องย่อปู่โสมเฝ้าทรัพย์

เมื่อสมัยอยุธยาล่ม ทั้งเมืองถูกเผาผลาญด้วยน้ำมือของศัตรูผู้รุกราน ชาวเมืองต่างหอบลูกจูงหลานหลบหนีซอกซอนไปแต่ตัว ทิ้งสมบัติมหาศาลฝังจมอยู่ภายใต้แผ่นดินที่ถูกทับถมด้วยเถ้าถ่าน ของสิ่งนั้นคือสมบัติแผ่นดิน แก้วแหวนเงินทองจำนวนมหาศาล ที่กษัตริย์แห่งราชวงศ์ บ้านพลูหลวง ผู้กำลังจะถึงวาระสุดท้าย มอบหมายให้นายทหารคู่ใจตำแหน่งเสนาบดีกลาโหมนำไปเก็บรักษาเพื่อให้ผู้มีบุญนำไปกอบกู้ชาติ สมบัติถูกขนอย่างเร่งรีบเข้าไปเก็บในถ้ำ นอกจาก เจ้าพระยาเสนาบดีกลาโหม ยังมี ราชครูโหรหลวง นางกำนัลผู้ซื่อสัตย์ 4 คน นางกำนัล 2 คนพี่น้อง เพ็ง และ เพียน ขุนพิทักษ์ นายทหารผู้ทรยศและชั่วร้ายด้วย

ทรัพย์แผ่นดินปลอดภัยแล้ว ต่อไปคือวางแนวกระสุนดินดำเพื่อระเบิดปิดปากถ้ำ ราชครู บอกกับทุกคนว่า สมบัติจำต้องมีวิญญาณปกปักษ์รักษา เราทุกคนนอกจากเจ้าพระยาขุนทหารที่ต้องกลับไปรบกับพม่า ต้องสละชีวิตเพื่อชาติ หัวใจทุกดวงที่ได้ฟังคำนั้นต่างก็คิดไปต่าง ๆ กัน แต่ทุกคนพร้อมที่จะสละชีวิต ยกเว้น ขุนพิทักษ์ และชู้รักคือ นางเพียน ที่ลักลอบหนีไปพร้อมสมบัติจำนวนหนึ่ง

เมื่อถึงนาทีสำคัญ แต่ละชีวิตถูกปลิดปลงลงเหมือนใบไม้ร่วง สีหน้าของทุกคนสงบยิ้มน้อยๆ เมื่อดาบคมกริบฟาดลงจนสุดแรง คนถือดาบเองน้ำตาเต็มหน้าเมื่อชีวิตแล้วชีวิตเล่าสิ้นสุดลง คนสุดท้ายราชครูโหรหลวง "ท่านจงตัดหัวข้า เลือดของข้าจงขีดครอบแดนสมบัติไว้มิให้ใครมากล้ำกราย หัวของข้าจงใส่พานนี้ตั้งไว้ แล้วหมุนพานไปรอบ ๆ เพื่อที่ข้าจะได้เห็นศัตรูที่เข้ามาทุกทิศ ต่อจากนั้นท่านจงระเบิดฝังทุกสิ่งทุกอย่างไว้ชั่วกัปชั่วกัลป์

เจ้าพระยา ประหารราชครูด้วยน้ำตานองหน้า ศีรษะบรรจงวางลงบนพาน นัยน์ตาปิดสนิท เจ้าพระยาเริ่มเลื่อนพานหมุนไปรอบ ๆ กระซิบเรียกชื่อราชครูเสียงแผ่วเบา ราชครูลืมตามองกวาดไปทุกทิศทางในขณะที่พานหมุนไป สายตาบอกถึงความเข้มแข็งแน่วแน่ สุดท้ายนัยน์ตาคู่นั้นมองเจ้าพระยาพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ เหมือนจะเอ่ยคำว่า “ลาก่อน” ก่อนระเบิดจะดังขึ้น หน้าผาถล่มลงระลอกแล้วระลอกเล่าปิดขังวิญญาณผู้พิทักษ์ไว้ ชั่วกาลนาน

สองร้อยกว่าปีผ่านไป พ.ศ. 2549 กรุงเทพมหานคร

มาถึงวันหมั้นของ โยธิน และ พิมาลา โยธินรักพิมาลาอย่างคลั่งไคล้ในขณะที่พิมาลาไม่มีใจตอบรักโยธินเลย แต่ความที่เป็นลูกกตัญญูจึงยอมทำตามคำสั่งของ พิณทอง ผู้เป็นแม่ พิณทองแม้จะเข้าวัยกลางคนแต่ยังสวย เป็นคนฟุ้งเฟ้อจมไม่ลง หยิ่งยโสในชาติตระกูลผู้ดีเก่า และที่สำคัญพิณทองลักลอบเป็นชู้กับ พลโทพิชัย พ่อของโยธิน ขณะที่ มนัส พ่อของพิมาลาซึ่งเป็นคนดี ไม่เคยระแวงสงสัยใดๆเลย

ขณะกำลังทำพิธีกรวดน้ำคุณยายของพิมาลากล่าวคำอุทิศส่วนกุศลให้ทวดเพ็งและทวดเพียน พิมาลาถามคุณยายได้ความว่าทวดทั้งสองคนเป็นบรรพบุรุษมีชีวิตในสมัยอยุธยา เป็นคนกล้าหาญยอมตายเพื่อเฝ้าทรัพย์แผ่นดินที่รอดพ้นจากการถูกพม่าเผาผลาญ

ณ ดินแดนมืดดำราวขุมนรก วิญญาณสองดวงผวาขึ้นเสียงเรียกชื่อดังก้องกังวาน เสียงสวดมนต์ดังแว่ว ๆ มา ชื่อทวดเพ็งและทวดเพียนดังกึกก้อง วิญญาณสองดวงนั้นมีสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวังช่องทางติดต่อกับสายโลหิตเปิดแล้ว นางเพียนบอกกับวิญญาณดวงอื่นว่าถึงเวลาแห่งการปลดปล่อยของข้า ไม่ใช่ปู่โสมคนเดียวเท่านั้นที่ลูกหลานคิดถึง อุบลวรรณกรวดน้ำพร้อมเอ่ยนามผู้ที่อุทิศส่วนกุศลไปให้ และชื่อปู่โสมก็เปล่งออกจากปากของเธออย่างชัดเจน ปู่โสมรับส่วนกุศลนั้นด้วยสีหน้าสงบ วิญญาณดวงหนึ่งถามว่าเหตุใดปู่จึงไม่ไปเกิดเสียที ในเมื่อกุศลผลบุญที่มีผู้อุทิศให้เพียงพอแล้ว จากความอ่อนโยนสีหน้าปู่เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด ชี้หน้าตวาดก้อง ว่ากูมีหน้าที่ต่อแผ่นดินจะไม่ไปไหนทั้งสิ้น จนกว่าจะพบผู้มีบุญที่สมควรจะได้สมบัติเหล่านี้ไปกู้ชาติ

วิญญาณนางเพียนมาเข้าฝันพิมาลาให้ช่วยหาทางปลดปล่อยด้วย เพราะทรมานมาถึงสองร้อยกว่าปีแล้ว ไม่ได้ไปผุดไปเกิดเสียที พิมาลาไม่สนใจความฝันนั้นเลย จนคืนล่าสุดพิมาลาฝันว่าทวดเพียนมาข่มขู่อาฆาตว่า ถ้าไม่ช่วยจะทำให้ครอบครัววิบัติ นอกจากนี้ยังทวงบุญคุณให้พิมาลาตอบแทน พิมาลาตกใจตื่นและความที่ความฝันนั้นเหมือนจริง จนพิมาลากลัวจึงต้องปลุกคุณยาย วันรุ่งขึ้นพิณทองพาพิมาลาไปหาหมอดู หมอดูดูว่าพิมาลากำลังมีเคราะห์ถูกวิญญาณร้าย รังควาน พิณทองหวาดหวั่นมากปรึกษากับโยธิน โยธินที่รู้จักหมอผีคนหนึ่งเป็นหมอผีสมัยใหม่ จากนั้นเรื่องราวก็พลิกผันโยธินรู้ว่าสมบัติมีจริงจากพิณทอง ความโลภเข้าครอบงำเต็มหัวใจ โยธินพยายามทุกวิถีทางที่จะหาข้อมูลการไปหาสมบัติ ระหว่างการเดินทาง โยธินขอให้เมธีใช้ไสยศาสตร์กำจัดพีร์ แต่ปู่โสมช่วยเอาไว้ได้ทุกครั้งทำให้เมธีเริ่มรับรู้ว่า มีดวงวิญญาณที่มีวิชาอาคมกล้าที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับเขาแล้ว

ในขณะที่ปู่โสมกำลังติดพันอยู่ในสงครามกับมนุษย์ วิญญาณสองดวงที่จมอยู่กับความพยาบาทที่ยังไม่ยอมจนมุม คือ ขุนพิทักษ์และนางเพียนผู้ที่ถูกปู่โสมฆ่าตาย เพื่อเฝ้าทรัพย์แผ่นดินเมื่อกรุงแตก สองร้อยกว่าปีนานเกินที่ทั้งสองคนจะยอมทนทุกข์ทรมาน นางเพียนบังคับโยธินให้จับพีร์ไป พิมาลาตามไปด้วย พีร์สู้กับโยธิน โยธินสู้กับเหล็กไหลไม่ได้จึงเสียชีวิต เหลือพีร์และพิมาลา ช่างพอดีเหลือเกินที่จะเป็นตัวตายตัวแทนของขุนพิทักษ์และนางเพียน