การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของบทสรุปสุดท้ายในภาพยนตร์มหากาพย์แวมไพร์แสนโรแมนติก ที่กวาดเงินรายได้มหาศาลจากการเข้าฉายทั่วโลก เรื่องราวความรักต่างเผ่าพันธุ์สุดอมตะ และการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่จะกลายมาเป็นตำนานใน  “แวมไพร์ ทไวไลท์ 4 เบรคกิ้ง ดอว์น ภาค 2” (THE TWILIGHT SAGA : BREAKING DAWN PART 2) ผลงานการกำกับของ บิลล์ คอนดอน ผู้กำกับรุ่นใหญ่ฝีมือฉกาจ ที่กลับมารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้ง พร้อมถ่ายทอดการแสดงครั้งสุดท้ายแบบจัดเต็มจากทีมนักแสดงสุดโด่งดังชุดเดิม นำโดย โรเบิร์ต แพททินสัน, คริสเตน สจวต, เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์, ปีเตอร์ ฟาซิเนลลี, อลิซาเบ็ธ รีซเซอร์, เคลแลน ลุตซ์, นิกกี รูด, แอชลีย์ กรีน และแจ็คสัน รัทซ์โบน

จากการคลอดลูกที่เกือบทำให้ เบลล่า (คริสเตน สจวต) ต้องเสียชีวิต แต่เธอกลับรอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์เพราะการช่วยเหลือของ เอ็ดเวิร์ด (โรเบิร์ต แพททินสัน) ที่ทำให้เธอกลายมาเป็นแวมไพร์ที่มีชีวิตอันเป็นอมตะ ระหว่างที่ เบลล่า ใช้เวลาปรับตัวกับชีวิตใหม่ในการเป็นแวมไพร์ กลุ่มแวมไพร์ผู้คุมกฎอย่างโวลตูรี่ได้แสดงความต้องการตัว เรเนสเม่ (แม็คเคนซี่ ฟอย) ลูกสาวของ เอ็ดเวิร์ด และ เบลล่า มาไว้ในครอบครอง ครอบครัวคัลเลนจึงต้องขอความช่วยเหลือจากกลุ่มแวมไพร์พันธมิตรทั่วโลก รวมถึง เจคอบ (เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์) หมาป่าหนุ่มที่ผูกวิญญาณกับ เรเนสเม่ แล้ว เพื่อร่วมต่อสู้ในสงครามครั้งสุดท้ายกับกลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ ที่จะกลายมาเป็นบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมด