มนตร์กาลบันดาลรัก
มนตร์กาลบันดาลรัก
 

มนตร์กาลบันดาลรัก

ละครหลังข่าว ศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น.

บทประพันธ์ : ชมบุหลัน บทโทรทัศน์ : ภาวิต

มิกค์ ทองระย้า , เมลดา สุศรี , ศรัณย่า ชุณหศาสตร์ , ศรันทร์ธร ก้องธรนินทร์ , กัญญา รัตนเพชร์ , พูลภัทร อัตถปัญญาพล , ธัญสินี พรมสุทธิ์ , ดวงดาว จารุจินดา , ทราย เจริญปุระ , ณัฐชยกานต์ ปากหวาน , ติ๊ก ชิโร่

เรื่องย่อมนตร์กาลบันดาลรัก

เรื่องย่อละครมนตร์กาลบันดาลรัก

น้ำหนึ่ง คอลัมนิสต์สาวสวยของนิตยสาร SEASON ส่องกระจกแต่งตัวอีกครั้งก่อนออกจากบ้าน วันนี้เธอได้รับมอบหมายงานสำคัญจาก สวรส บรรณาธิการของ SEASON ให้ไปสัมภาษณ์ กาลรุจิ เตชพิพัฒน์ อดีตไฮโซสาวที่มีชื่อเสียงมาก ที่ชีวิตต้องพลิกผันเมื่อเธอถูกรถชนจนต้องเป็นคนพิการ อีกทั้งต้องเผชิญปัญหาชีวิตมากมายจนชีวิตเหมือนดิ่งลงเหว แต่เธอต่อสู้จนปัจจุบันเธอกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมาก

บทสัมภาษณ์นี้จะตีพิมพ์ในคอลัมน์ดล ซึ่งมีแนวคิดในการนำประสบการณ์ของบุคคลต่างๆ ที่เคยล้ม หรือประสบปัญหาชีวิตมากมายแล้วต่อสู้จนประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านที่ประสบปัญหาได้ลุกขึ้นมาต่อสู้บ้าง คอลัมน์ดลนี้  เป็นที่ยอมรับของผู้อ่านในวงกว้าง  เรียกได้ว่าเป็นจุดขายและจุดแข็งอย่างหนึ่งของนิตยสาร SEASON  สวรสจึงกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ซึ่งไม่ใช่ใครก็ได้จะรับหน้าที่สัมภาษณ์ แล้วได้เขียนบทความนี้ สวรสจะเลือกคนที่มีความสามารถจริงๆ เท่านั้น ทีสำคัญคือ หลังจากกาลรุจิประสบอุบัติเหตุเธอเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยออกงานสังคมเหมือนเมื่อก่อน ไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อใดทั้งสิ้น  นอกจากครั้งนี้กับ SEASON ดังนั้น น้ำหนึ่งจึงภูมิใจมาก  เธอจะพลาดไม่ได้  เพราะเป็นโอกาสเดียวก่อนที่กาลรุจิ จะเดินทางไปต่างประเทศในวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอหวังว่าผลงานครั้งนี้จะช่วยให้เธอได้เลื่อนตำแหน่ง 

ทว่าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่ต้องการ เริ่มตั้งแต่รถยางแบน จนต้องไปยืมรถ ทรรศิกา ซึ่งเป็นมารดา แถมยังประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถไปสัมภาษณ์กาลรุจิได้ทันเวลา จนต้องให้ ยดา เพื่อนรุ่นน้องไปแทน วันรุ่งขึ้นสวรสซึ่งเป็นบรรณาธิการของ SEASON  เรียกน้ำหนึ่งเข้าไปตำหนิอย่างรุนแรงที่ตัดสินใจให้ยดาไปสัมภาษณ์กาลรุจิโดนพลการ ถึงจะได้งานมา แต่การที่น้ำหนึ่งตัดสินใจเองโดยไม่รายงานให้เธอทราบ ถือเป็นการผิดมารยาทอย่างมาก สวรสคาดโทษน้ำหนึ่งว่า ถ้ายดาเขียนรายงานการสัมภาษณ์ออกมาไม่ดีน้ำหนึ่งต้องรับผิดชอบ และควรจะรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร หญิงสาวขอโทษสวรส แล้วเดินหน้ามุ่ยออกมาจากห้องทำงานของเธอ น้ำหนึ่งนั่งทำงานอย่างซังกะตายจน มนัสวี เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันและเป็นหัวหน้าฝ่ายขายมาคุยด้วย น้ำหนึ่งจึงค่อยสบายใจขึ้นมาบ้าง

วันต่อมาบรรยากาศในที่ทำงานยิ่งแย่ลงไปอีกสำหรับความรู้สึกของน้ำหนึ่ง  เมื่อสวรสเดินออกมาชมยดาต่อหน้าทุกคนที่กองบรรณาธิการว่า  เขียนบทสัมภาษณ์กาลรุจิออกมาได้ดีมาก  แถมยังพูดเหน็บแนมน้ำหนึ่งให้เจ็บใจอีก น้ำหนึ่งแสดงความยินดีกับยดาอย่างจริงใจ แม้จะอดน้อยใจไม่ได้ว่าการที่ SEASON  มีผลงานได้สัมภาษณ์กาลรุจิส่วนหนึ่งก็เป็นความสามารถของเธอเช่นกัน  ที่มีเพื่อนสนิทของมารดา คือ จำรัส ช่วยพูดให้  ถ้าไม่ใช่จำรัสแล้วคงไม่มีใครที่จะได้พบตัวกาลรุจิแน่นอน แต่เมื่อไม่มีใครคิดถึงน้ำหนึ่งได้แต่นั่งเบื่อโลกอยู่คนเดียว และยังทำใจไม่ได้

เย็นวันนั้น เมื่อมนัสวีชวนเธอออกไปเที่ยวที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง โดยมี พงศกร กราฟฟิกดีไซน์เนอร์หนุ่มเพื่อนของเธอไปด้วย  น้ำหนึ่งจึงปฏิเสธและตั้งใจขับรถไปคืนทรรศิกา  บางทีการได้คุยกับมารดาเธออาจจะรู้สึกดีขึ้นก็ได้  แต่กลับกลายเป็นว่าเธอทะเลาะกับมารดาอย่างรุนแรง  เมื่อได้รู้โดยบังเอิญว่าทรรศิกากับจรัสมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินไปกว่าความเป็นเพื่อนสนิทเสียแล้ว  คำพูดตัดพ้อร้ายๆ ที่น้ำหนึ่งต่อว่าทรรศิกา  ทำให้เธอต้องตบหน้าลูกสาวเพื่อเตือนสติ  แต่น้ำหนึ่งไม่เข้าใจ เธอผลุนผลันออกจากที่นั่นทั้งที่น้ำตานองหน้า  ได้ยินเสียงจำรัสกับทรรศิกาเรียก แต่ความเสียใจ น้อยใจ ผิดหวัง มันมากเสียจนเธอไม่อยากหันหลังกลับไปที่นั่นอีก

น้ำหนึ่งเดินแกมวิ่งไปตามถนน  ปาดน้ำตาไปตลอดทางจนมาถึงหน้าร้านอาหารซีแซ่บเวอร์  ที่มีมาสคอตรูปหมึกสีชมพูสด  เด็กแถวนั้นบอกว่านี่คือ เจ้าแม่หมึกซีซ่าที่ศักดิ์สิทธิ์มาก แต่น้ำหนึ่งไม่อยากจะเชื่อ  ขณะดูอะไรเพลินๆ หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อ อาม่าหยก ย่าของเธอสะกิด เรียกชื่อแล้วถามว่ามาทำอะไรที่นี่  น้ำหนึ่งยกมือลูบแก้มข้างที่โดนทรรศิกาทำร้ายทันที  น้ำตาเริ่มกลบตาอีกครั้ง  แต่ไม่ทันได้พูดอะไร อาม่าหยกก็ลูบแขนเธอเบาๆ เหมือนจะปลอบ  น้ำหนึ่งถามเบาๆ ว่า  อาม่ารู้แล้วใช่มั้ย อาม่าหยกพยักหน้ายิ้มๆ อาม่าจูงมือน้ำหนึ่งไปหาเจ้าแม่ซีซ่า  แล้วบอกน้ำหนึ่งให้ลองขอพรดูบ้าง น้ำหนึ่งลังเล เพราะไม่เชื่อในตัวเจ้าแม่หมึกสีชมพูสักนิดเดียว  แต่อาม่าก็คะยั้นคะยอให้เธอลองขอพรดูขำๆ น้ำหนึ่งยอมตามใจอาม่าหยก เธอซื้อพวงมาลัย ธูปเทียนจากเด็กคนขาย จุดเทียน จุดธูป  แล้วน้ำหนึ่งก็ยกมือไหว้  และขอพรให้เธอได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อสามวันก่อนหน้านี้ อาม่าหยกยิ้มพอใจ แล้วชวนเธอกลับบ้านทันที 

สายมากแล้ว เมื่อน้ำหนึ่งเริ่มรู้สึกตัวตื่น  เธออิดออดไม่ยอมตื่น เพราะมั่นใจว่าเป็นวันเสาร์  หญิงสาวบิดขี้เกียจ แม้หูจะได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งกระซิบปลุกเธออย่างล้อเลียน  น้ำหนึ่งงัวเงียลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจเดินเข้าห้องน้ำ  เมื่อเห็นตัวเองในกระจก น้ำหนึ่งขยี้ตาตัวเอง  เมื่อผมที่ซอยสั้นเก๋ทันสมัยกลายเป็นผมยาว แถมมีผมม้าเสียอีก  เธอลองดึงผมตัวเองแรงๆ เข้าใจว่ามีคนเอาวิกผมมาแกล้งเธอ  แต่เจ็บหนังศีรษะจนมั่นใจว่าเป็นผมตัวเอง  น้ำหนึ่งรีบออกจากห้องน้ำเรียกหาอาม่าหยกอย่างตกใจ  เธอพบอาม่าที่หน้าบ้าน  อาม่าปล่อยให้เธอโวยวายไป  ก่อนจะถามว่าจำได้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น  น้ำหนึ่งเล่าเรื่องขอพรเจ้าแม่หมึกซีซ่าให้ย้อนเวลาสามวัน  อาม่าหัวเราะก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์รายวันมาให้เธอดู น้ำหนึ่งตกใจมาก เพราะเวลาในหนังสือพิมพ์คือสามปีล่วงหน้าในอนาคต เจ้าแม่หมึกซีซ่า คงลงโทษเธอที่ลบหลู่ไม่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ จึงลงโทษเธอด้วยการส่งเธอข้ามเวลามาในอนาคตถึงสามปี  น้ำหนึ่งถามอาม่าหยกอย่างงงๆ ว่าชีวิตเธอเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง  เพื่อจะได้รับสถานการณ์ได้ถูก อาม่าหยกบอกว่า  เธอยังทำงานที่เดิม ตำแหน่งเดิม และแต่งงานแล้วกับ ทรงกลด ครูสอนภาษาไทยที่โรงเรียนปราชญาวิทย์  พอพูดถึงทรงกลดก็เดินลงบันไดมา  น้ำหนึ่งมองเขาอย่างคนแปลกหน้า  สามีของเธอไม่ใช่หนุ่มสไตล์เกาหลีตรงสเป็คอย่างที่ฝัน  แต่กลับเป็นหนุ่มลูกครึ่งตาน้ำข้าวรูปร่างใหญ่โต  น้ำหนึ่งไม่เข้าใจว่า  อะไรทำให้เธอตัดสินใจแต่งงานกับเขา

วันนั้น น้ำหนึ่งตัดสินใจลางาน เพื่อตั้งสติกับเรื่องการข้ามเวลาของเธอ ทรงกลดเป็นห่วงเมื่อภรรยาบอกว่าไม่ค่อยสบาย  ทำท่าจะพาเธอไปหาหมอ  แต่เธอรีบปฏิเสธ ก่อนจะบอกว่าเธออยู่กับอาม่าได้ไม่ต้องห่วง  เมื่อทรงกลดไปทำงานแล้ว น้ำหนึ่งรีบบอก อาม่าว่าคืนนี้เธอจะขอมานอนกับอาม่าด้วย อาม่าหยกพยักหน้ายิ้มๆ น้ำหนึ่งถามอาม่าอีกว่าการแต่งงาน ระหว่างเธอกับทรงกลดเป็นไปอย่างเต็มใจหรือมีใครบังคับ  อาม่าบอกยิ้มๆ ว่าไม่มีใครบังคับน้ำหนึ่งได้  แต่น้ำหนึ่งเป็นคนฉลาด  เลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองตลอดมา  อีกอย่างหนึ่ง ตั้งแต่แต่งงานกัน ทรงกลดรักและดูแลน้ำหนึ่งดีมาก หญิงสาวส่ายหน้าแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก  น้ำหนึ่งกลับขึ้นไปห้องนอน  เปิดโน้ตบุ๊คเพื่อหาข้อมูลของ SEASON และเรื่องราวทั่วๆ ไป  เธอปวดหัว เมื่อเห็นว่า วัน เวลามันคืออนาคตสามปี  จากที่เธอจำได้  น้ำหนึ่งพบไฟล์ภาพจึงเปิดดู เธอพูดไม่ออกเมื่อเห็นว่ามันเป็นภาพงานแต่งงานของเธอกับทรงกลด และทุกรูปเธอยิ้มหวาน สดใสมีความสุขเหมือนเจ้าสาวทุกคน  น้ำหนึ่งถอนใจยาว  สงสัยว่าอะไรดลใจให้เธอแต่งงานกับทรงกลดผู้ชายที่ไม่ได้อยู่ในสเป็คเลยสักนิด

วันนั้นทั้งวัน น้ำหนึ่งวุ่นวายอยู่กับการหาข้อมูลต่างๆ จนกระทั่งเย็น เมื่อทรงกลดกลับมาจากทำงาน  เขาเข้ามาดูแลเธออย่างเป็นห่วง ทั้งจับศีรษะว่าตัวร้อนหรือไม่ กินอะไรบ้าง ชายหนุ่มวุ่นวายนัวเนียอยู่ใกล้น้ำหนึ่งจนเธอหนาวๆ ร้อนๆ จะเป็นไข้ให้ได้  คืนนั้นน้ำหนึ่งนอนกับอาม่า  ในขณะที่ทรงกลดไม่ค่อยพอใจนักเพราะเป็นห่วงเธอนั่นเอง

วันรุ่งขึ้น น้ำหนึ่งต้องเรียนรู้และพยายามทำความเข้าใจกับทุกอย่างที่เปลี่ยนไป  เริ่มจากการที่เธอแต่งงานกับทรงกลดหลานชายของสวรส  ทำให้เธอมีสถานะเป็นหลานสะใภ้ของบรรณาธิการจอมดุ ที่เธอแอบเรียกว่ายัยปิศาจ ยดาได้เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ SEASON  จากรุ่นน้องที่น้ำหนึ่งสอนงานมากลายเป็นหัวหน้าของเธอ  ยดาเปลี่ยนไปมากจากหญิงสาวอ่อนหวานเคารพน้ำหนึ่ง ในวันนี้เธอกลายเป็นคนแข็งกระด้าง และพูดกับน้ำหนึ่งเหมือนเจ้านายกับลูกน้องจริงๆ ทั้งจิกด้วยสายตา และเหน็บด้วยคำพูด มนัสวีเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทมาก ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายขาย เธอแต่งงานแล้วกับพงศกรกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ เพื่อนของ น้ำหนึ่ง และมีลูกชายอายุประมาณ 2 ขวบชื่อ น้องกานต์ หญิงสาวพยายามตั้งสติ กับเรื่องต่างๆ ที่สำคัญ  คือเธอต้องทำเหมือนรู้เรื่องทุกอย่างดี  ระหว่างที่ต้องรีบทำงานส่งยดาที่ตามจิกเธอไม่เลิก

ในห้องประชุมของบริษัทสรรค์สื่อดี บังคม ซึ่งเป็นเจ้าของและบรรณาธิการบริหารเรียกประชุมบรรณาธิการทุกคนของนิตยสารในเครือ คือ สวรส บรรณาธิการ SEASON  ทวี บรรณาธิการ THIRTY  สาธิต บรรณาธิการดาราพาเหรด และ ศลิษา บรรณาธิการนิตยสารอิ่ม-สุข ในที่ประชุม นอกจากเรื่องสรุปยอดขาย แล้วยังมีเรื่องการพิจารณาหาตัวบรรณาธิการนิตยสาร SPRING  ที่จะเปิดใหม่ แตกไลน์ออกมาจาก SEASON โดยจะเน้นกลุ่มคนทำงาน  สวรสเสนอน้ำหนึ่ง โดยมีศลิษาสนับสนุน แต่ทวีไม่เห็นด้วย  เขาเกรงว่าจะเกิดข้อครหาว่าน้ำหนึ่งได้ตำแหน่งนี้มาเพราะเป็นหลานสะใภ้ของสวรส เขาเสนอชื่อลูกศิษย์ของเขาที่ปัจจุบันเป็นบรรณาธิการอยู่กับนิตยสารคู่แข่ง  ซึ่งทวีรับปากว่าจะดึงตัวมาได้แทน แต่สวรสก็ค้านเต็มที่จนทวีพูดว่า  ถ้าจะให้น้ำหนึ่งได้ตำแหน่งนี้ เธอก็จะต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองด้วยการไปสัมภาษณ์ เขมินทร์  ช่างภาพคนไทยที่เคยทำงานที่ SEASON ก่อนจะลาออกไปแล้วไปอยู่อเมริกา  ทำงานจนมีชื่อสียงระดับโลกมาลงในคอลัมน์ดลได้  น้ำหนึ่งก็จะเป็นบรรณาธิการ SPRING ได้อย่างที่ไม่ใครครหา  บังคมเห็นด้วยเพราะได้ข่าวมาเหมือนกันว่าเขมินทร์กลับมาเยี่ยมเมืองไทยเวลานี้พอดี  บังคมสรุปให้น้ำหนึ่งทำงานนี้  ก่อนจะออกจากห้องประชุมไป  สวรส มองทวีอย่างรู้ทันว่าเจตนาแกล้งเธอกับน้ำหนึ่ง  เพราะเธอรู้ว่าเขมินทร์ไม่มีทางยอมให้สัมภาษณ์ง่ายๆ แน่นอน  ในเมื่อเขมินทร์จาก SEASON ไปอย่างไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน  โดยมีเธอเป็นต้นเหตุ  เมื่อบังคมไปแล้ว  สาธิต กับ ศลิษา ก็ออกไปจากห้องประชุม ทวี กับ สวรส  จึงคุยกันตามลำพังอย่างเชือดเฉือน เพราะต่างก็เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู ทวี กับ สวรส ตกลงกันว่า ถ้าน้ำหนึ่งสัมภาษณ์เขมินทร์ไม่ได้ สวรสต้องลาออกจาก SEASON ในทางกลับกัน ถ้าน้ำหนึ่งสัมภาษณ์เขมินทร์ได้  ทวีต้องเป็นฝ่ายลาออก

ยดา รู้เรื่องนี้โดยบังเอิญ เธอจึงแอบติดต่อกับ ทวี และเสนอว่า เธอจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้น้ำหนึ่งได้ไปสัมภาษณ์เขมินทร์ได้  และถ้าทำสำเร็จ และสวรสลาออกไป ทวีต้องสนับสนุนให้เธอเป็นบรรณาธิการ SEASON แทน  ทวีไม่รับปากเต็มปากเต็มคำ  แต่ก็พูดให้ความหวังยดาไว้มาก จนเธอมั่นใจว่าจะได้ขึ้นแทนตำแหน่งสวรสจริงๆ สิ่งที่ยดาไม่รู้คือ ทวีแอบอัดเสียงการสนทนาครั้งนี้ไว้ด้วย เมื่อออกจากห้องประชุม สวรสเรียกน้ำหนึ่งให้ไปพบและบอกเรื่องการสัมภาษณ์เขมินทร์  เธอย้ำเรื่องความสำคัญของงาน  และการจะได้โปรโมทเป็นบรรณาธิการของ SPRING น้ำหนึ่งดีใจมาก สวรสเตือนว่างานนี้ไม่ง่าย ให้น้ำหนึ่งตั้งใจให้มากๆ หญิงสาวรับปาก และมั่นใจว่าต้องทำได้  แต่น้ำหนึ่งได้รู้ว่าทุกอย่างไม่ง่ายจริงๆ ยดาส่งงานให้เธอมากจนทำแทบไม่ทัน  เย็นวันนั้น น้ำหนึ่งกลับถึงบ้านอย่างเพลียทั้งกายและใจ   เธออยากกลับไปเมื่อสามปีก่อนจริงๆ  เพื่อจะได้รับรู้สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ และพร้อมจะรับมือกับมัน  ทั้งเรื่องงานและการแต่งงานกับทรงกลด  ซึ่งอยากจะให้เธอทำหน้าที่ “ภรรยา” ทุกคืน  เธอเล่าให้อาม่าหยกฟังทุกอย่าง  ก่อนจะสรุปว่าเธอต้องตามหาเจ้าแม่หมึกซีซ่าให้ได้เพื่อขอขมา  และขอพรให้ย้อนเวลากลับไป อาม่าได้แต่ยิ้มให้กำลังใจเธอ  ก่อนจะบอกว่าอาม่าต้องไปปฏิบัติธรรมหลายวันและบอกเธอว่า  ทรงกลดเป็นคนดี รักน้ำหนึ่งมาก และไม่เคยทำอะไรที่ขัดใจน้ำหนึ่งเลยสักครั้ง คืนนั้นเธอยังคงนอนกับอาม่าต่อไป ไม่สนใจทรงกลดที่มองเธออย่างไม่เข้าใจว่า  อะไรทำให้น้ำหนึ่งเปลี่ยนไป

น้ำหนึ่งหาเวลาตามหาเจ้าแม่หมึกซีซ่าอย่างจริงจัง เธอรู้สึกว่าอนาคตของเธอที่ข้ามเวลามามีแต่เรื่องที่น่าปวดหัว เธอสืบจนรู้ว่าร้านซีแซ่บเวอร์ปิดกิจการไปแล้ว  และมาสคอตเจ้าแม่หมึกซีซ่าถูกย้ายไปเก็บที่ไหนก็ไม่มีใครรู้  วันต่อมา มนัสวี พาน้ำหนึ่งไปพบกับ ชาลี  เพื่อนรุ่นน้องของเธอ  ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายขายที่โรงพยาบาลเอกชน  ที่เธอรับงานเขียนคอลัมน์ลงวารสารมาตามคำสั่งของยดา  เมื่อพบกัน น้ำหนึ่ง ต้องระงับความตื่นเต้น  เพราะชาลีคือชายหนุ่มสไตล์เกาหลีผู้ชายในฝันของเธอตลอดมา ไม่ใช่หนุ่มลูกครึ่งตาน้ำข้าวที่ชื่อทรงกลด  ชาลีทำให้เธอหวั่นไหวจนอยากจะหาเจ้าแม่หมึกซีซ่าให้พบ เพื่อขอพรย้อนเวลากลับไป  และจะได้หลีกเลี่ยงการแต่งงานกับทรงกลด

น้ำหนึ่งถูกกดดันเรื่องการติดต่อเขมินทร์  และได้รู้ว่าทรงกลดเป็นคนสำคัญที่ช่วยเธอได้ เมื่อเขาจำเขมินทร์ได้ว่าเป็นแฟนเก่าสวรส  เขาพาเธอไปตามหาเขมินทร์จนพบตัวที่งานคืนสู่เหย้าที่สถาบันการศึกษาที่เขาเรียนจบมา  เขมินทร์ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์  และต่อรองให้สวรสมาสัมภาษณ์เขาเท่านั้น  แต่น้ำหนึ่งก็ไม่ท้อใจ ทรงกลดช่วยสืบจนรู้ว่าเขมินทร์พักอยู่ที่วังภูผารีสอร์ท ธุรกิจของอรรณพซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และเต็มใจขับรถพาเธอไปที่นั่นอีกด้วยในที่สุด ความพยายามก็ประสบความสำเร็จ เมื่อเพื่อนสนิทของพ่อทรงกลดจำได้ว่าอรรณพคือลูกศิษย์  ท่านเขียนจดหมายมาช่วยขอร้องอรรณพให้ช่วยพูดขอร้องกับเขมินทร์  จนช่างภาพคนดังยอมรับปาก วันนั้นทรงกลดพาน้ำหนึ่งหลบพายุฝนไปที่ไร่ของจำรัส  แม้น้ำหนึ่งจะไม่เต็มใจนัก  แต่เมื่อได้รู้ว่าทรรศิกาป่วยเป็นมะเร็ง ให้คีโมจนผมร่วง เธอก็ดีใจที่ทรงกลดพามาที่นี่  น้ำหนึ่งได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกับมารดา  และยอมรับจำรัสในฐานะ “พ่อเลี้ยง” ได้อย่างเต็มใจ  เมื่อรู้ว่าเขาดูแลทรรศิกาดีเพียงใด  นอกจากนั้นน้ำหนึ่งยังรู้สึกดีกับทรงกลด มากขึ้นอีกด้วย  อย่างไรก็ตาม น้ำหนึ่งก็ยังอยากตามหาเจ้าแม่หมึกซีซ่าอยู่ดี  เธอหลอกให้ทรงกลดช่วย จนหาตัวมาสคอตเจอจนได้  น้ำหนึ่งให้เอากลับบ้านทำความสะอาดให้และแอบไหว้ขอพร ให้ได้ย้อนเวลากลับไปโดยไม่รู้ว่าทรงกลดแอบดูอยู่อย่างไม่เข้าใจ  เช้าวันรุ่งขึ้น น้ำหนึ่งตื่นนอนแต่เช้าอย่างสดใส เธอมั่นใจว่าเจ้าแม่หมึกซีซ่าน่าจะให้พรเธอตามที่ขอแล้ว  แต่เมื่อเธออกมาจากห้องอาม่า  เห็นทรงกลดที่เดินหน้ามุ่ยลงมา น้ำหนึ่งนิ่งอึ้ง เสียใจที่ไม่ได้ย้อนเวลากลับไปตามที่ต้องการ  เธอตั้งสติทำใจอยู่นาน จนตัดใจ และคิดว่าจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด  เพื่ออนาคตที่ดีต่อไปจะดีกว่า

เวลาผ่านไป น้ำหนึ่งตั้งใจทำงานทำดี  และค่อยๆ แก้ปัญหาในชีวิตไปทีละอย่าง เรื่องเขมินทร์ได้ข้อสรุปที่ดี  ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับทรงกลดเริ่มดีขึ้น น้ำหนึ่งเข้าใจและรู้ตัวแล้วว่าเธอรักเขามากแค่ไหน  ทรงกลดพิสูจน์ตัวเองว่าเขารักเธอมาก  และพร้อมจะช่วยเธอทุกอย่าง เขาเคียงข้างเธอเสมอแม้ในยามทุกข์ใจ และเจอสถานการณ์ลำบากเพียงไหนก็ตาม สำหรับชาลี  น้ำหนึ่งกับเขาตกลงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน  เมื่อทรงกลดเข้าใจผิด และหึงชาลีจนหมางเมินกับเธอ  น้ำหนึ่งก็ง้อเขาอย่างน่ารัก  อธิบายและบอกว่าเธอรักทรงกลด  และจะเป็นภรรยาที่ดีของเขาตลอดไป  ทรงกลดใจอ่อน  เมื่อเห็นน้ำหนึ่งกลับมาเป็นน้ำหนึ่งคนเดิม ผู้หญิงที่เขารักมาก  ชีวิตคู่กลับมามีความสุขอีกครั้ง

ที่ SEASON การแข่งขันระหว่าง ทวี และ สวรส  รุนแรงขึ้น แต่ในที่สุด สวรส คือผู้ชนะเพราะ เขมินทร์ ยอมให้น้ำหนึ่งสัมภาษณ์ ทวี กับ ยดา สาวไส้หักหลังกันเองจนต้องถูกบีบออกจากบริษัททั้งสองคน  ขณะที่ปัญหาของน้ำหนึ่งคลี่คลาย ทรงกลดกลับต้องเจอเรื่องปวดหัว เพราะเขารู้แล้วว่า วิธู  เพื่อนรุ่นน้องที่เป็นครูประจำชั้น  ขโมยเงินค่าเดินทางไปทัศนศึกษาของนักเรียนไป  ไม่ใช่ เบญจ เพราะติดพนันฟุตบอลจนเป็นหนี้หลายแสนบาท  ยังไม่ทันที่ทรงกลดจะไปพูดกับวิธูให้คืนเงินเด็กๆ  เขาก็ต้องตามไปช่วยไม่ให้วิธูถูกนักเลงทวงหนี้นอกระบบซ้อมจนตาย  โดยลืมคิดไปว่าพวกนั้นคงโกรธแค้นเขาเช่นกัน  ทรงกลดกับวิธูไม่รู้ว่า เหตุการณ์นั้น อนันต์ ลูกศิษย์ของทั้งคู่ ได้แอบอัดคลิปเอาไว้ และโพสต์ลงสื่อออนไลน์ทันที  โดยคิดไม่ถึงว่ามันจะนำอันตรายมาสู่ตัวเอง  เมื่อพวกนักเลงตามมาหาเรื่อง ทรงกลด พยายามปกป้องอนันต์ กับ เบญจ และวิธู จนถูกแทงอาการสาหัส  ซ้ำร้ายพวกมันยังสร้างสถานการณ์ โยนความผิดให้เบญจอีกด้วย  ทรงกลดโชคดีที่มีชาวบ้านกับเพื่อนครูตามมาช่วยพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา

ที่ SEASON น้ำหนึ่งกำลังเตรียมตัวจะไปสัมภาษณ์เขมินทร์ตามที่นัดไว้ ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับอเมริกา เพื่อนของทรงกลดก็โทรศัพท์มาบอกข่าวร้าย น้ำหนึ่งตกใจมากทำอะไรไม่ถูก เธออยากไปโรงพยาบาล แต่ก็ห่วงงาน  สวรสเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ทันที เธอสั่งให้น้ำหนึ่งไปโรงพยาบาล และเธอจะไปสัมภาษณ์เขมินทร์ให้เอง เมื่อถึงสถานที่นัดหมายเขมินทร์แปลกใจที่พบสวรสแทนน้ำหนึ่ง  แต่เขาก็ยอมให้สัมภาษณ์  เมื่อรู้เหตุร้ายที่เกิดกับทรงกลด  การทำงานครั้งนี้ ทำให้เขมินทร์กับสวรสได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกันไปด้วย  เธอสบายใจเมื่อเขมินทร์บอกว่า การที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เป็นเพราะ คำพูดสบประมาทของใครบางคน  แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่สวรส ก็รู้ดีว่าหมายถึงใคร

เขมินทร์ มองเธออย่างเข้าใจ และบอกว่าถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องวันนั้น เขาก็คงไม่มีวันนี้ ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน และกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ที่โรงพยาบาลสถานการณ์รุนแรงกว่าที่คิด  ทรงกลดอาการหนักและยังอยู่ในห้องผ่าตัด  น้ำหนึ่งพบเบญจ และได้รู้ความจริง เธอเชื่อเบญจ นอกจากเด็กหนุ่มแล้ว เธอได้พบ พจน์ หัวหน้านักเลงจอมโหดที่ขู่จะทำร้ายเธอกับทรงกลด  สถานการณ์เลวร้ายจนน้ำหนึ่งทนไม่ไหวเธอรีบกลับบ้าน  เรียกหาอาม่า หยก  คนที่เธอรู้ว่าคือนางฟ้าตัวจริงที่ให้พรเธอ  น้ำหนึ่งสืบจนรู้ว่าอาม่าหยกเสียชีวิตภายหลังที่เธอแต่งงานหนึ่งปี  อาม่าหยกยอมปรากฏตัวออกมา  และทำให้น้ำหนึ่งเห็นภาพในอดีต จนเข้าใจว่าเธอจะต้องกลับไปช่วยเบญจไม่ให้มีเรื่องกับเพื่อนที่โรงเรียน  พ่อเบญจก็จะไม่ตาย  เขาก็ไม่ต้องตกเป็นผู้สงสัยในเรื่องการขโมยเงิน  ทรงกลดก็จะไม่ต้องไปข้องเกี่ยวกับการช่วยเหลือ วิธู กับ เบญจ จนบาดเจ็บสาหัสอย่างนี้   อาม่าบอกน้ำหนึ่งว่า  วันที่น้ำหนึ่งมาขอพรเจ้าแม่หมึกซีซ่า  เบญจก็มาขอพรเช่นกัน แต่ขอให้พ่อฟื้นขึ้นมา  ซึ่งเป็นไปไม่ได้  เบญจน่าสงสารมากหลังจากพ่อตาย  จนอาม่าอยากช่วยเขา  เรื่องของน้ำหนึ่งก็เช่นกัน  แต่เพราะกฎของสวรรค์  คือห้ามช่วยลูกหลาน และฝ่าฝืนกฎแห่งความตาย  นางฟ้าอาม่าจึงต้องเลี่ยงโดยใช้วิธีย้อนเวลากับน้ำหนึ่ง  เมื่อเห็นว่าหลานสาวเข้าใจภารกิจที่ต้องทำแล้ว อาม่าหยก ก็ให้พรส่งน้ำหนึ่งย้อนเวลากลับมาในวันที่เกิดเรื่อง เมื่อสามปีก่อน

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง น้ำหนึ่ง ลืมตาแล้วพบว่าเธอยืนอยู่หน้าบ้าน ในวันที่ต้องไปสัมภาษณ์กาลรุจิ จริงๆ เธอพบอาม่าที่เพิ่งกลับจากใส่บาตร หญิงสาวกอดย่าแน่นก่อนจะรีบออกไป เรียกมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง โดยไม่สนใจรถของเธอที่ยางแบน  น้ำหนึ่งไปที่โรงเรียนปราชญาวิทย์  เธอใช้สีระบายหน้าเป็นแฟนบอลเหมือนคนบ้า แล้วเข้าไปเบี่ยงเบนความสนใจ จากเบญจที่กำลังจะมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนได้สำเร็จ  แต่กลับกลายเป็นว่าเด็กๆ กลับมารุมล้อมจะจับตัวเธอแทน  น้ำหนึ่งดึงกริ่งเตือนสัญญาณไฟไหม้ ให้ดังขึ้นจนปั่นป่วนอลหม่านไปทั้งโรงเรียน  เธอรีบวิ่งหนีจนไปชน ทรงกลด น้ำหนึ่งล้มลง รองเท้าคู่โปรดหลุดไปหนึ่งข้าง  ชายหนุ่มพยุงตัวเธอให้ลุกขึ้น น้ำหนึ่งขอบคุณ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เธอก็พูดไม่ออก ตาสวยใสสบตาทรงกลดอย่างตื่นเต้นดีใจ   แต่ต้องรีบหนี เมื่อวิธูกับกลุ่มนักเรียนวิ่งตามมา

น้ำหนึ่ง กลับถึงบ้านอย่างทุลักทุเล  หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นจริงๆ วันรุ่งขึ้น น้ำหนึ่งไปทำงาน โดนสวรสตำหนิเหมือนกับที่เธอรู้อยู่แล้ว ยดาได้รับคำชมจากผลงาน มนัสวีชวนไปเที่ยวแต่ที่ไม่เหมือนครั้งก่อนคือ เธอไม่ไปหามารดาและสวรสให้เธออยู่รอรับของที่จะมีคนมาส่งให้เพราะต้องเข้าประชุมด่วน น้ำหนึ่ง รีบทำงานและเตรียมเอกสาร เพื่อจะทำบัตรประชาชนกับใบขับขี่ใหม่ เพราะเมื่อวันที่ไปปราชญาวิทย์ เธอเผลอลืมกระเป๋าถือไว้ หญิงสาวทำงานเพลิน จนได้ยินเสียงทรงกลดมาถามหาสวรส น้ำหนึ่งเงยหน้าทันที  สบตาคมที่จ้องอยู่แล้ว  ชายหนุ่มเอากระเป๋ากับรองเท้ามาคืนเธอ  เขาบอกว่าตั้งใจจะมาฝากไว้ที่สวรส  แต่เจอตัวน้ำหนึ่งก็ดีแล้ว  ชายหนุ่มพยายามพูดให้น้ำหนึ่งยอมรับว่าเป็นคนไปป่วนที่โรงเรียน และเขาอยากรู้ว่าเพราะอะไร น้ำหนึ่งปฏิเสธ  แต่ต้องจำนนด้วยหลักฐาน เมื่อทรงกลดให้เธอลองสวมรองเท้าที่เอามาด้วย  รองเท้าที่ผู้หญิงลึกลับทำตกไว้  น้ำหนึ่งสวมได้พอดี  เธอยิ้มหวานอย่างประจบให้เขา ตาโตเป็นประกายพราวหวาน พูดเก้อๆ ว่าสวมพอดีเลย  ทรงกลดมองรอยยิ้มและแววตาของน้ำหนึ่งเหมือนต้องมนตร์  เขาตัดสินใจทันทีว่าต้องทำความรู้จักกับเธอให้มากกว่านี้ ทรงกลดเลยบอกว่าขอรางวัลที่เอากระเป๋ามาคืน  เป็นอาหารหนึ่งมื้อ  แต่น้ำหนึ่งรู้ดีว่าเป็นเพราะเขาจะไม่บอกสวรสต่างหาก หญิงสาวอิดออดอย่างไม่เต็มใจ  ทั้งที่ในใจตื่นเต้นมาก  ทรงกลดขอเบอร์โทรศัพท์เธอไว้เพื่อนัดกันอีกครั้ง  เมื่อเขาไปแล้ว น้ำหนึ่งกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจเธอหมายมั่นปั้นมือว่านัดครั้งแรกจะทำให้ทรงกลดประทับใจ  เธอเตรียมแผนหว่านเสน่ห์เพื่อสานสัมพันธ์กับเขาจนแต่งงานกันให้ได้   แล้วเธอจะบอกความจริงทุกอย่างกับเขา น้ำหนึ่งยิ้มอย่างมั่นใจว่างานนี้ต้องสำเร็จ  ทรงกลดไม่สามารถหนีรอดเงื้อมมือเธอไปได้ อย่างแน่นอน