นางฟ้าเปื้อนฝุ่น
นางฟ้าเปื้อนฝุ่น
 

นางฟ้าเปื้อนฝุ่น

ละครก่อนข่าว จันทร์ - อาทิตย์ เวลา 18.50 น.

ละครเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.50 น.

บทประพันธ์ : ปีย์วรา บทโทรทัศน์ : พิง ลำพระเพลิง และ ดรีมทีม

อัปสรสิริ อินทรคูสิน,ปรัชญ์ ปรมิณ,วัชรบูล ลี้สุวรรณ,นวพล ภูวดล,แพร เอมเมอรี่,วรรษพร วัฒนากุล,ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์,ณัฐชยกานต์ ปากหวาน,ไดสุเกะ สุกี้คาวา,ช้องมาศ บางชะวงษ์,ณรงค์ฤทธิ์ รัตนภักดี,แพรอิศรา ปูคะวนัช

เรื่องย่อนางฟ้าเปื้อนฝุ่น

หญิงสาว ลูกสาวรัฐมนตรีมีชีวิตราวนางฟ้าปลอมลงมาศึกษาคนบนดิน ปีกเปื้อนฝุ่นแลกเกียรตินิยม
ชายหนุ่ม  ดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอด ระหว่างความจริงของตนกับความฝันของพ่อ คือวงดนตรีลูกทุ่ง
คนหนึ่งชีวิตใสกิ๊ง ไม่เคยลำบากแต่ก็พร้อมยอมอดทนเรียนรู้ ส่วนอีกคนชีวิตไม่ได้อยากเป็นครู แต่ก็ต้องมาสอนให้คนใสๆ รู้จักใช้ชีวิตโดยไม่เจตนา แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า ไม่รู้ใครได้เรียนรู้จากใครกัน

พาขวัญ (โซฟี่-อัปสรสิริ อินทรคูสิน) เข้ามานำเสนอผลงานสารนิพนธ์เกี่ยวกับการเต้นหางเครื่องที่มหาวิทยาลัยเกือบไม่ทัน โชคดีที่เพื่อนสนิทคือ นัชชา (ณัฎฐกันย์  อัมพรพงษ) กับ ธีรวิทย์ (ไดสุเกะ สุกี้คาวา) ช่วยถ่วงเวลา อาจารย์เอก (มาฬิศร์ เชยโสภณ) ไว้ โดยมี ธนัญญา ต(ช้องมาศ บางชะวง) กับลูกคู่อย่าง ปานจิต (ณัฐชยกานต์ ปากหวาน)  และ ลักษมี (แพร อริศรา) ขอให้พาขวัญหมดสิทธิ์ส่งงานและไปจบปีหน้าแทนเนื่องจากมาสาย ด้วยต้องการกำจัดคู่แข่งในการแย่งเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง สุดท้ายอาจารย์เอกบอกว่างานที่พาขวัญทำมาเสนอในเบื้องต้น ยังขาด “วิญญาณ” ของหางเครื่องไป และแนะนำว่าให้ส่งเป็นงานเต้นประเภทอื่นที่เธอถนัดกว่าอย่าง บัลเล่ต์ คอนเทมฯ หรือฮิปฮอป แต่พาขวัญไม่อยากเปลี่ยน

เมื่อออกมาจากห้องนำเสนอผลงาน พาขวัญพบ ศรุต (ณรงค์ฤทธิ์  รัตนภักดี) ชายหนุ่มเจ้าของกิจการร้านอาหารและไร่ผักออร์แกนิคส์ คนที่ ดวงกมล (ภัสสร บุณยเกียรติ) แม่ของเธอต้องการจะให้ลงเอยด้วย เพราะเหมาะสมกันทั้งฐานะและชาติตระกูล มารอรับเธออยู่ เธอจึงปลอมตัวโดยอาศัยชุดขอทานจาก ละครดาวพระศุกร์เดอะมิวสิคัลของนัชชา จนเกือบรอดสายตาศรุตไปได้ ถ้าไม่ใช่เพราะกลุ่มธนัญญาเห็นเสียก่อน ขณะวิ่งหนีศรุตออกมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย พาขวัญเกือบถูกรถแท็กซี่ของ นันทพงศ์ (กฤษฎี พวงประยงค์) ที่เพิ่งไปรับ ชลธี (ปรัชญ์ ปรมิณ) หนุ่มนักเรียนนอก ทายาทเจ้าของวงดนตรีลูกทุ่งชาญชลธีชน เธอฉวยโอกาสรีบขึ้นรถแท็กซี่หนีศรุตไป


ในรถแท็กซี่ พาขวัญไม่พอใจทีท่าของชลธีที่เหมือนดูถูกเธอ ทั้งคู่ต่อปากต่อคำกัน พาขวัญทำโทรศัพท์มือถือหล่นในรถแท็กซี่โดยไม่รู้ตัว ขณะที่รอน้องชายที่จบการบริหารด้านดนตรีกลับมาช่วยกอบกู้วง ชาญชัย (โน้ต-วัชรบูล ลี้สุวรรณ) ก็ถูก เจ๊หอม (ดีใจ ดีดีดี) และ นกเขา (ชาญณรงค์ ขันทีท้าว) โทรมาทวงหนี้ก้อนใหญ่ ส่วนทางลูกวงที่เตรียมงานต้อนรับชลธีก็ถูกร้านค้าต่างๆ ยื่นคำขาดว่าไม่ให้เชื่อของอีกต่อไป สถานการณ์ด้านการเงินของวงกำลังย่ำแย่ ชลธีคาดคั้นเอาความจริงจากนันทพงศ์ขณะนั่งรถกลับบ้าน แต่นันทพงศ์ก็ตอบเลี่ยงไปว่าเป็นเพราะหน้าฝน งานจ้างเลยน้อย

เนื่องจากศรุตมาเล่าให้ดวงกมลฟัง พาขวัญจึงถูกแม่สั่งไม่ให้ทำธีสิสเรื่องหางเครื่อง เพราะมองว่าไม่เหมาะสมกับฐานะลูกสาวของรัฐมนตรี อรรถพล (นงค์ เชิญยิ้ม) และอนาคตผู้บริหารกิจการของเธอ พาขวัญเสียใจ แต่ก็ได้กำลังใจจาก วิไล (หลิว-อาราดา พรหมพฤกษ์) เลขานุการส่วนตัวของแม่เธอช่วยปลอบ

เมื่อชลธีมาถึงบ้าน ก็มีสาวๆ ในวงมาต้อนรับ ทั้ง ภารวี (แพร เอมเมอรี่) นักร้องนำ มณีรัตน์ (เอี๊ยม-วรรษพร วัฒนากุล) หัวหน้าหางเครื่อง และ รสริน (หทัยชนก สวนศรี) หางเครื่องสาวสุดเซ็กซี่ ชลธีต้องการจะคุยเรื่องสถานการณ์ของวงกับชาญชัย ชาญชัยบอกให้คุยทีหลังเพราะทุกคนในวงรอเจอชลธีอยู่ สุดท้ายเมื่อชลธีเข้าไปเห็นตารางงานของวงในห้องทำงานชาญชัย เขาก็บอกให้ชาญชัยยุบวงชาญชลธี ชาญชัยโกรธมาก ทุกอย่างที่พี่น้องสองคนโต้เถียงกันอยู่ภายใต้การรับรู้ของ เพทาย (นวพล ภูวดล) ผู้จัดการวงชาญชลธีที่แอบฟังอยู่

ในงานเลี้ยงต้อนรับชลธี ขณะที่ทุกคนสนุกสนานอยู่ ชาญชัยเข้าไปถามชลธีว่าแน่ใจนะที่จะทำให้ทุกคนที่กำลังมีความสุขนี้ตกงาน ชลธีลังเล หลังงานเลี้ยงเลิกรา นกเขารอจังหวะจะมาขโมยแท็กซี่ของนันทพงศ์ไป เพื่อเป็นการประกันเงินกู้ให้กับทางเจ๊หอม เพื่อเอาใจเจ้านาย แต่กลับพบว่ามีแสงวาบๆ ออกมาจากในรถ นกเขาเข้าใจว่าเป็น ผีดอกคูน (โย่ง เชิญยิ้ม) พ่อของชาญชัยและชลธีที่ตายไปแล้ว แต่ที่จริงแล้วคือแสงจากโทรศัพท์มือถือของพาขวัญ

วันรุ่งขึ้น ก่อนออกจากบ้านชลธีได้เจอชาญชัย ชลธีบอกจะช่วยปรับปรุงวงให้ดีขึ้น ชาญชัยดีใจและขอเวลาชลธี 4 เดือนเพื่อจะฟื้นฟูวงให้กลับมาเหมือนเดิม ถ้าไม่สำเร็จจะยอมให้ชลธีขายวง ชลธีตอบตกลง แต่จริงๆ แล้วชาญชัยต้องการจะส่งวงชาญชลธีเข้าประกวดเพื่อชิงเงินรางวัลก้อนใหญ่และสัญญาว่าจ้างหลายปี ในอีก 4 เดือนข้างหน้า พาขวัญยืมโทรศัพท์ของวิไลโทรเข้ามือถือตัวเอง จังหวะเดียวกับที่ชลธียืมรถแท็กซี่ของนันทพงศ์เพื่อออกไปทำธุระพอดีเลยเป็นคนรับสาย พาขวัญเข้าใจผิดคิดว่าชลธีเป็นคนขโมยมือถือของเธอ เธอจึงขู่ให้ชลธีเอาโทรศัพท์มาคืนให้ที่มหาวิทยาลัย เมื่อชลธีมาถึงก็เจอกับธนัญญาที่ขึ้นมาบนแท็กซี่เพราะจะไปพบ วงศกร (นิกกี้-สิรภพ สมผล) นักลีลาศหนุ่มเพลย์บอย เพื่อจะเชิญมาเป็นคู่เต้นในงานธีสิสของเธอ ด้วยหวังว่าจะทำให้ชนะพาขวัญได้

ชาญชัยบอกพาขวัญว่าวิไลเคยเป็นหางเครื่องในวงของเขา พาขวัญดีใจมากจึงขอชาญชัยไปเป็นหางเครื่องที่วงด้วย ท่ามกลางความตกใจของวิไล ชาญชัยบอกให้พาขวัญไปขอแม่มาก่อน เมื่อกลับบ้านไป พาขวัญโทรไปวางแผนกับอรรถพลเพื่อหลอกดวงกมลให้อนุญาตให้เธอไปฝึกบัลเล่ต์เพิ่มเติมกับมาดามเลอคาบูซิเยร์ เพื่อทำธีสิสบัลเล่ต์ให้ดีที่สุด เป็นเวลา 4 เดือน แต่ที่จริงเธอจะไปอยู่ในวงชาญชลธี ดวงกมลตกหลุมพรางเลยอนุญาต แต่ก็ไม่วายเป็นห่วง อรรถพลจึงบอกว่าให้วิไลตามไปดูแลด้วยเพื่อความสบายใจของดวงกมล

วิไลอึดอัดใจที่ต้องกลับมาเจอกับชาญชัยอีกครั้งเพราะเคยมีความหลังครั้งอดีตกันอยู่ แต่ก็ยอมปลอมมาเป็น ‘น้าวิไล” กับ ‘หลานขวัญใจ’ เข้ามาในวง เพราะรักและเห็นใจพาขวัญ ชลธีดีใจที่ได้เจอวิไลแล้วก็ต้องตกใจเมื่อวิไลพาพาขวัญมาด้วย

ชลธีผิดหวังจากการออกไปสมัครงานที่โรงเรียนสอนดนตรีเพราะคุณวุฒิสูงเกินไป ประกอบกับการเห็นวงดนตรีมีแต่งานจ้างห่วยๆ เลยตัดสินใจโทรหา เอกภพ (จิณณะ จอมขันเงิน) เจ้าของค่ายเพลงที่เพทายแอบให้นามบัตรมา เพราะต้องการขายวงชาญชลธีเพื่อความอยู่รอด

เช้าวันรุ่งขึ้น รสรินปล่อยข่าวเรื่องชลธีถูกทำร้ายเพราะพาขวัญ และเห็นวิไลอยู่กับชาญชัยสองต่อสองในยามวิกาล ทำให้คนในวงส่วนใหญ่ไม่พอใจ นอกจาก ชดช้อย (ค่อม ชวนชื่น) อดีตหางเครื่องวัยดึก หวด (อู๊ด เป็นต่อ) และ ป้าน้อย (วันทนา บุญบันเทิง) แม่ครัว ทุกคนสุมหัวกันเม้าท์สองน้าหลานคู่นี้ว่าจะเข้ามาทำให้วงชาญชลธีเปลี่ยนไป รสรินเป่าหูมณีรัตน์ว่าวิไลจะมาเขี่ยเธอออก และเสี้ยมภารวีต่อว่าขวัญใจน่าจะมาเสียบแทนตำแหน่งนักร้องนำเพราะสาวกว่า ภารวีเหม็นหน้าพาขวัญขึ้นมาทันที

ที่มหาวิทยาลัย เป็นวันสุดท้ายที่จะเปลี่ยนหัวข้อธีสิสได้ ธนัญญาเห็นธีรวิทย์กับนัชชาเข้ามาคุยกับครูเอก จึงเข้าใจว่าพาขวัญส่งมาให้แจ้งเปลี่ยนหัวข้อแทน เธอจึงพยายามถามครูเอกว่าพาขวัญเปลี่ยนหัวข้อธีสิสเป็นอะไร แต่ครูเอกไม่ยอมบอก แต่ก็กำชับนัชชากับธีรวิทย์ว่าคราวหน้าต้องให้พาขวัญมาด้วยตัวเอง

พาขวัญถูกมณีรัตน์และหางเครื่องในวงใช้ให้ซักเสื้อผ้าเพราะเป็นหางเครื่องน้องใหม่ ระหว่างนั้นวิไลก็ถือโอกาสซักไซ้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พาขวัญไม่ยอมบอก จนกระทั่งวิไลขู่จะบอกดวงกมล พาขวัญจึงเล่าความจริงทั้งหมด ที่บ้านพาขวัญ ดวงกมลเชิญศรุตมาคุยและขอให้ตามหาที่อยู่ของมาดามเลอคาบูซิเยร์ให้ เพราะเธออยากจะไปเยี่ยมลูกมาก ศรุตรับปากว่าจะหาให้ เพทายพยายามลวนลามพาขวัญและเสนอว่าจะช่วยผลักดันให้เป็นนักร้อง ถ้ายอมเป็นของตน แต่ ผ่องศรี (ณัฐรินทภรณ์  ยืนยง) โผล่มาขัดจังหวะพอดี พาขวัญเลยรอดไปได้

เจ๊หอมส่งนกเขาปลอมตัวเป็นแม่ค้าขายขนมมาสืบเรื่องงานของวง ได้ความว่าจะมีงานที่วัดหลวงตาเผือกวันเสาร์นี้ เจ๊หอมโกรธที่ชาญชัยไม่แจ้ง คิดว่าจะเม้มเงินที่จะมาใช้หนี้ ชลธีเห็นชาญชัยเอารถแท็กซี่ไปขับหารายได้ เลยคาดคั้นว่าเป็นเพราะต้องส่งตัวเองไปเรียนเมืองนอกใช่หรือไม่ สถานการณ์ทางการเงินของวงถึงได้ย่ำแย่ ชาญชัยบอกว่าเป็นสิ่งที่ตนรับปากพ่อไว้และต้องทำให้ได้

งานทำบุญวัดหลวงตาเปลี่ยนเป็นงานโชว์แรกของวงตั้งแต่พาขวัญปลอมตัวเข้ามา ถึงจะไม่ได้ขึ้นเต้นแต่พาขวัญก็ตื่นเต้น แต่แล้วที่หน้าเวทีกลับมีคนดูไม่ถึง 3 คน พาขวัญช็อคมาก ในขณะที่ลูกวงทุกคนโชว์กันอย่างเต็มที่เหมือนเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ก็ไม่ปาน

พาขวัญงงกับการที่ทุกคนไม่รู้สึกอะไรที่แสดงไปโดยแทบไม่มีคนดู แต่ ผ่องศรี อดีตหางเครื่องที่ผันตัวมาทำเสื้อผ้าบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่การแสดงจะต้องเต็มที่ไม่ว่าจะมีคนดูมากน้อยแค่ไหน ด้วยความสนิทสนมกันเพราะพาขวัญต้องมาช่วยซ่อมแซมชุดหางเครื่อง พาขวัญจึงค่อยๆ ใส่ความคิดเรื่องเปลี่ยนสไตล์ชุดหางเครื่องให้ทันสมัยกับผ่องศรี ผ่องศรีเห็นดีด้วย เข้าทางชลธีพอดีที่อยากให้งานโชว์วันเปิดบ่อปลาคาร์ฟออกมาดูดีขึ้น เพราะเอกภพเจ้าของค่ายเพลงพี่ไอจีจะมาดูตามที่นัดไว้ ถึงกับเอาเงินเก็บสมัยเสิร์ฟอยู่ที่เมืองนอกมาช่วยค่าชุดหางเครื่อง ท่ามกลางความดีใจปนแปลกใจของชาญชัยที่เห็นน้องลงทุนพัฒนาวง

วันคอนเสิร์ตเปิดบ่อปลาคาร์ฟ ทุกคนที่พาขวัญปกปิดความลับ มาร่วมประชุมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งธนัญญา ศรุต อรรถพล ดวงกมล วงศกร พาขวัญได้แต่แอบอยู่หลังเวทีที่คิดว่าปลอดภัย แต่เเล้วก็เกิดเรื่องเมื่อธนัญญาแกล้งขัดขามณีรัตน์ เพราะหมั่นไส้ที่มาอ่อยวงศกร จนมณีรัตน์ไม่สามารถเต้นเพลงต่อไปได้ ผ่องศรีบอกให้พาขวัญออกไปเต้นแทน เพราะรู้ว่าเธอแอบดูการซ้อมอยู่ตลอด

วันงานเทศกาลดนตรีมันแผล็บมากจึงนับเป็นหายนะของพาขวัญโดยแท้ เธอต้องขึ้นเต้นด้วย แล้วยังต้องเปลี่ยนชุดไปกินข้าวกับครอบครัวที่มีศรุตมาด้วย สลับกับกินกาแฟกับครูเอกที่เธอนัดอยู่ร้านติดๆ กัน พาขวัญเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาวิ่งรอกจนเกือบแผนแตก แต่ก็รอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือของวิไล ที่เกือบจะทำพังไปเหมือนกันเพราะดันมีเซอร์ไพร์ส แต่ก็กลายเป็นเซอร์ไพร์สนั้นเองที่ช่วยให้พาขวัญรอดมาได้

เอกภพถูกใจการแสดงของวงชาญชลธีแต่ก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ ไม่ยอมรับปากว่าจะเทคโอเวอร์วงชาญชลธีต่อหรือไม่ พาขวัญมารู้ทีหลังว่าตนแอบถูกชลธีหลอกใช้เพราะต้องการให้คนของพีไอจีมาดูการแสดง เธอเคืองชลธีเป็นอย่างมาก และประกาศว่าจะต่อต้านการขายชาญชลธีทั้งต่อหน้าและลับหลัง

ชลธีได้รับการเชิญจากครูเอกผ่านทางเจ้าของโรงเรียนดนตรีที่เคยไปสมัครงาน แต่คุณวุฒิสูงเกินไป ให้มาช่วยวิจารณ์งานธีสิสเด็กที่ส่งงานด้านดนตรี เป็นโอกาสให้ชลธีได้ยินซาวด์เพลงของธีรวิทย์แล้วรู้สึกชอบ นัชชารู้ว่าชลธีมาจากวงชาญชลธีจึงรีบส่งข้อความไปบอกพาขวัญ พาขวัญจึงวางแผนจะดึงเพื่อนๆ เข้ามาช่วยเธอปรับปรุงวงอีกแรง

พาขวัญวางแผนให้ธีรวิทย์เข้ามาทำทีเป็นขอชลธีฝึกงานที่วงชาญชลธี และให้นัชชาปลอมเป็นแฟนขี้หึงของธีรวิทย์ติดตามมาด้วย ชลธีที่ชอบงานของธีรวิทย์อยู่แล้วก็ช่วยพูดกับชาญชัยให้เห็นดีเห็นงามและรับธีรวิทย์เข้ามา เพทายไม่พอใจที่มีคนเข้ามาวุ่นวายในวงมากขึ้น ทำให้แผนการที่เขาวางไว้ในใจจะยุ่งยากขึ้นไปอีก ถ้าวงพัฒนาอย่างนี้ต่อไป ชลธีอาจล้มเลิกความตั้งใจจะขายก็ได้

วงชาญชลธีเริ่มดีขึ้น พาขวัญแอบปลื้มใจอยู่ลึกๆ ที่เธอทำให้ชาญชลธี สดชื่น มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เธอเองก็ตื่นเต้นที่จะได้เป็นหางเครื่องอย่างเต็มตัวบนเวทีบนเวทีคอนเสิร์ตเกิดมาไม่เคยเจอ อันเป็นงานเลี้ยงพนักงานของค่ายเพลงพีไอจี ที่เอกภพอยากให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ดูการเเสดงของวงชาญชลธีก่อนตัดสินใจซื้อ

เช้าวันเกิดเหตุรสรินแอบใส่สลอดลงไปในอาหารของพาขวัญ แต่บังเอิญมณีรัตน์กลายมาเป็นผู้รับเคราะห์แทน ในขณะที่พาขวัญก็เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงเช่นกัน เพทายจึงรีบนำทั้งสองส่งโรงพยาบาล รสรินแอบสะใจ คิดว่าแผนการของเธอนั้นสัมฤทธิ์ผล

ธนัญญาซึ่งสืบรู้มาแล้วว่าวันนี้พาขวัญจะต้องรีบกลับไปเพื่อทำภารกิจสำคัญมากบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าอะไร เธอจึงคิดแกล้งเพื่อนด้วยการถ่วงเวลาในการบรรยายงาน เพราะพาขวัญได้บรรยายเป็นอันดับสุดท้ายต่อจากเธอ ด้วยเลขประจำตัวของพาขวัญนั้นอยู่หลังธนัญญา

แม้พาขวัญจะกลับมาที่เวทีอย่างฉิวเฉียด และทำให้รสรินตกใจอยู่ไม่น้อยที่เธอมีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาเต้นได้  แต่คอนเสิร์ตก็ยังไม่สามารถเริ่มทำการแสดงได้ เพราะภารวีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะที่เหตุการณ์กำลังอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็ปรากฏว่ามีนักร้องลูกทุ่งชื่อดังแนวหน้าของวงการปรากฏตัวขึ้นกลางเวทีคอนเสิร์ต สร้างความพอใจให้กับพนักงานของพีไอจีเป็นอย่างยิ่ง แถมยังดึงพาขวัญออกมาร้องเพลงคู่อีกด้วย ซึ่งพาขวัญก็ทำได้ดีมากจนทุกคนในวงตก

ภารวีกลับมายังวงชาญชลธีแล้วบอกว่าเธอถูกวางยาลักพาไปขังไว้โดยใครก็ไม่รู้ รสรินกับมณีรัตน์ใส่ร้ายพาขวัญว่าเป็นคนทำ เพื่อที่จะได้ขึ้นโชว์ร้องเพลงแทนภารวีในงานเมื่อคืน ภารวีเริ่มลังเล

ฐานะอันแท้จริงของพาขวัญเกือบถูกเปิดเผย เมื่อวันหนึ่งขณะที่เธอต้องลอบออกไปมหาวิทยาลัย เพื่อรายงาน ความคืบหน้าของงานในช่วงเช้า ทานอาหารกับศรุตในมื้อค่ำ ชลธีแอบสะกดรอยตามพาขวัญไปติดๆ แต่พาขวัญ ก็คลาดสายตาเขาไปอย่างหวุดหวิดทุกครั้ง พาขวัญช่วย จีน่า (บั๊บเบิ้ล-กรกฎ พวงสวัสดิ์) หางเครื่องชายใจหญิงของวง แก้ไขสถานการณ์บางอย่างที่บีบคั้นได้ขณะเข้าตาจน เธอทำโดยไม่ให้จีน่ารู้ แต่ชลธีเห็น เขามั่นใจว่าพาขวัญเป็นคนดีที่ไม่เอาเปรียบใคร พาขวัญกลายเป็นทั้งศิราณีและแม่พระที่คอยให้ความช่วยเหลือและชี้แนะกับทุกคนในวงยามประสบปัญหาจึงยิ่งทำให้ความสัมพันธ์และมิตรภาพของเธอกับเพื่อนๆ ในวงแน่นแฟ้นจนยากที่จะแยกขาดออกจากกัน ส่งผลให้การเก็บข้อมูลเพื่อทำโปรเจ็กต์ของเธอเป็นไปอย่างราบรื่น

ชาญชัยพอเก็บเงินก้อนเล็กๆ จากการที่วงมีงานเพิ่มขึ้นได้บ้าง เขาจึงนำไปไถ่แหวนที่ครั้งหนึ่งตั้งใจจะใช้หมั้นหมายกับวิไล แต่ก็มีอันต้องเข้าใจผิดไปเสียก่อน เมื่อออกมาจากร้านทองด้วยความดีใจจะรีบเอาแหวนไปมอบให้หญิงที่ตนรัก โดยไม่ทันระวังชาญชัยถูกรถชนที่หน้าร้านทองนั่นเอง ชาญชัยเสียเลือดไปเป็นจำนวนมากจึงต้องการเลือดโดยด่วน ลูกวงในคณะทุกคนต่างแย่งกัน บริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือเจ้าของวง สร้างความประทับใจให้กับพาขวัญและชลธีเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชลธีที่นึกไม่ถึง ว่าทุกคนจะรักและเสียสละให้กับพี่ชายของเขาได้ถึงเพียงนี้

การที่ชาญชัยประสบอุบัติเหตุขั้นโคม่าทำให้ต้องใช้เงินมาก ประกอบกับข่าวที่วงโดนจับเรื่องเล่นการพนัน ทำให้ฉาวโฉ่จนถูกแคนเซิลงานจ้างจนเกือบหมด เพทายจึงหลอกให้ชลธีเซ็นเอกสารกู้เงินนอกระบบเพื่อเอาเงินมารักษาพี่ชาย

ลูกวงชาญชลธีก็ได้ชุ่มชื่นหัวใจอีกครั้ง เมื่อได้รับภาพถ่ายเก่าแก่ ตอนที่หัวหน้าดอกคูณเคยเป็นนักเลงถ่ายคู่กับสมบัติที่ซ่อนเอาไว้ ปัญหาคือมันถูกส่งมาโดยใคร แต่อย่างน้อยข่าวลือที่บอกว่าหัวหน้าดอกคูณเคยเป็นนักเลงมาก่อนก็เป็นความจริง เมื่อถึงตอนลำบากอย่างนี้พอดี ใครบางคนก็พูดถึงขุมทรัพย์ของดอกคูนขึ้นมา เพทายถึงกับหงุดหงิด เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเป็นคนเดียวที่พยายามแอบหาที่ซ่อนสมบัติของดอกคูน แต่ตอนนี้ทั้งวงจะลุกขึ้นมาหาสมบัตินี้กันหมด เขาจึงแกล้งบอกว่าเรื่องสมบัติไม่น่าจะมีจริง เป็นเพียงกุศโลบายของดอกคูนที่ต้องการให้ทุกคนอยู่กับวงชาญชลธีไม่หนีหายไปไหน แต่แทบทุกคนก็ไม่เชื่อเพทาย ชดช้อยจำได้เลาๆ ว่าเป็นตัวเลขที่ต้องถอดรหัส ป้าน้อยบอกว่าเป็นรหัสของตู้เซฟที่ยังหาตัวตู้ไม่เจอ ส่วน เบลเบล (เพ็ญนภางค์ ชายด่าน) หางเครื่องรุ่นเดอะที่ยังเต้นอยู่บอกคับคล้ายคับคลาว่าเป็นเบอร์บัญชีธนาคาร แต่ไม่มีใครจำตัวเลขเหล่านั้นได้สักคน เหมือนจะมีการจดไว้ แต่พอไม่รู้ความหมายก็เลิกสนใจกันไป ปฏิบัติการตามล่าพลิกหาตัวเลขจึงเกิดขึ้น

คืนนั้นพาขวัญฝันถึงดอกคูนจนตกใจตื่น จึงมายืนมองรูปดอกคูนในห้องของตัวเอง พาขวัญเห็นสายตาของดอกคูนในรูปมองไปที่มุมห้องด้านหนึ่งจึงเดินไปดู เห็นเลขลางๆ บนเสามุมห้อง จนเมื่อปัดฝุ่นแถวนั้นออกจึงเห็นเป็นชุดตัวเลข 8188216832 พาขวัญตื่นเต้นมากจนอยากจะโทรปลุกวิไลที่นอนเฝ้าชาญชัยอยู่ที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่กล้า

ชลธียอมรับว่าพีไอจีสนใจอยากให้พาขวัญเซ็นสัญญาเป็นนักร้องจริง แล้วย้อนถามพาขวัญกลับไปว่าเธอจะยอมทำหรือไม่เพื่อช่วยวง พาขวัญปฏิเสธเพราะไม่คิดว่าวิธีนี้จะเป็นทางออก วงชาญชลธีจะต้องกลับมาได้ด้วยตัวเองไม่ใช่เพราะแลกกับตัวของเธอ แล้วถ้าพีไอจีเห็นความสามารถของเธอ ทำไมวงถึงไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้มาช่วยวง แทนที่จะหาทางออกง่ายๆ ด้วยการขายเธอออกไป

เมื่อภารวีออกจากวงไป คนในวงก็เริ่มระส่ำระสาย แต่ก็ยังคงพยายามหาปริศนาตัวเลขต่อไป เมื่อยังคิดไม่ออก หลายคนเริ่มท้อแท้ และคิดจะไปจากวงชาญชลธี แม้ชลธีจะยืนยันว่าถ้าพบสมบัติและนำไปใช้หนี้แล้วก็จะแบ่งให้ลูกวงทุกคนเท่าๆ กัน แต่ก็มีหลายคนตัดสินใจไม่รอ เริ่มจากรสรินที่มีเสี่ยมาติดพันที่ผับที่ไปเป็นโคโยตี้ หลังจากถูกตามตื๊อมานานและเอาเงินมาล่อ รสรินจึงตอบตกลงทิ้งนันทพงศ์ไปอยู่ด้วย ตามด้วยมณีรัตน์ที่พาหางเครื่องกลุ่มหนึ่งออกไปเต้นให้กับวงอื่น โดยทิ้งเพทายไว้ที่นี่ เผื่อเจอสมบัติก็ยังจะมีเอี่ยว แต่แท้จริงแล้วเป้าหมายของมณีรัตน์คือการเข้าไปเป็นนักร้องของค่ายพีไอจี โดยผ่านการช่วยเหลือของเพทาย

นันทพงศ์เสียใจเรื่องรสรินมาก พาขวัญเข้าไปปลอบจนชลธีมาเห็นเลยเข้าใจผิด คิดว่าพาขวัญโกรธเรื่องที่จะขอให้เธอเซ็นสัญญาเป็นนักร้อง เลยเปลี่ยนใจไปหานันทพงศ์คนซื่อที่แสนดี ระหว่างที่ลูกวงทยอยกันออกไป พาขวัญได้ยินเด็กท่องสูตรคูณเดินผ่านไปเลยนึกออกว่าที่แท้เลขรหัสนั้นคือ ‘สูตรคูณแม่ 8’ นั่นเอง เพราะฉะนั้นลายแทงสมบัติจึงน่าจะอยู่ใน ‘สูท(ของดอก)คูน’ ผ่องศรีจึงไปเอาสูททุกตัวของดอกคูนที่เก็บไว้มาหา แต่ก็ยังไม่พบ และยังคงตีไม่ออกว่า แม่ 8 เกี่ยวข้องอะไรด้วย

ป้าน้อยนึกขึ้นได้ถึงสูทตัวเก่งของดอกคูนในอดีตที่อยู่ในบ้านชาญชัย ผ่องศรีจึงไปขอชลธีให้เอาออกมาให้ เมื่อตรวจดูก็พบว่าที่ด้านซับในตะเข็บสูทตัวนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กซ่อนอยู่ในซองพลาสติกมีคำใบ้เขียนว่า ‘ถนนปลอดทุกข์’ ทุกคนแยกย้ายไปตามหาตามความเข้าใจของตน พาขวัญไปหาในห้องพระ ชดช้อยไปหาที่หน้าห้องสุขา หวดไปหาที่ถนนหน้าบ้าน มีเพียงชลธีที่พุ่งไปที่ห้องทำงานเก่าของพ่อที่พาขวัญอาศัยเป็นห้องนอน เพราะเชื่อมโยงได้ว่า จากสูตรคูณแม่ 8 เมื่อรวมกับคำใบ้ถนนปลอดทุกข์ซึ่งคือทางดับทุกข์ หรือ ‘มรรค 8’ นั่นเอง และหนทางปฏิบัติมรรค 8 ก็คือ ‘การเดินสายกลาง’ และที่ดอกคูนชอบเดินก็คือในห้องทำงานเพื่อแต่งเพลง ดังนั้นใต้พื้นไม้กระดานชิ้นที่อยู่ตรงกลางห้องพอดี เขาจึงพบกล่องใส่ซิมการ์ดซ่อนอยู่ที่นั่น

ด้วยความที่เป็นซิมการ์ดรุ่นเก่า ทุกคนอยากรู้ว่ามันเป็นซิมของใคร อะไร ยังไง แต่ไม่มีใครมีโทรศัพท์รุ่นที่ใส่ซิมแบบนั้นได้เลยมาหาตู้ขายเครื่องโทรศัพท์มือสองที่ตลาดนัดจนได้ไป แล้วพยายามโทรออกไปเบอร์ที่เมมไว้เพียงเบอร์เดียวในซิมนั้น เสียงมือถือของพาขวัญดังขึ้น ทุกคนตกใจคิดว่าเป็นซิมนั้นโทรหาพาขวัญ ปรากฏว่าเป็นวิไลที่โทรมาบอกเรื่องชาญชัยพ้นจากอาการโคม่าแล้ว หลังจากนั้นพอใช้ซิมโทรไปอีกรอบ สัญญาณเลขหมายปลายทางก็บอกเป็นว่า ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก

ระหว่างที่ทุกคนง่วนกับการหาขุมทรัพย์ ก็มีคุณหญิงคนหนึ่งโทรมาหาเพทายเรื่องจะจ้างวงไปโชว์ในงานการกุศลหาทุนช่วยเด็กกำพร้าที่โรงแรมละแวกชานเมือง เพทายขอเงินมัดจำล่วงหน้า คุณหญิงบ่ายเบี่ยง อ้างว่าเป็นสมาคมด้านการกุศลใหญ่โต ขอจ่ายที่งานทีเดียว ด้วยความร้อนเงิน ชลธีบอกเพทายว่าอนุญาตตามที่คุณหญิงขอมา พาขวัญไปตามวิไลและรุ่นน้องนักเต้นที่มหาวิทยาลัยมาเสริมในส่วนหางเครื่องที่หายไป ชลธียังคงพยายามโทรตามเบอร์ในซิมของดอกคูนวันละเป็นสิบรอบ แต่ก็ยังไม่มีคนรับสาย

เมื่อถึงวันงาน วงชาญชลธีไปถึงไม่เจอเจ้าภาพ แถมยังถูกโรงแรมกักตัวไว้ให้จ่ายเงินค่าเช่าห้องจัดเลี้ยง เพราะมีการแจ้งมาว่าวงจะมาเช่าสถานที่เปิดอัลบั้มใหม่ ไม่ใช่เป็นงานการกุศลอย่างที่ว่า ทั้งหมดเป็นแผนการของ 2 แม่ลูก ทิพา (นันทนา บุญหลง) ธนัญญา ทำให้คราวนี้วงชาญชลธีหมดตัวจริงๆ ต้องขายเครื่องดนตรี ไปทั้งวง และเมื่อกลับมาก็พบว่าโทรศัพท์พร้อมซิมที่เสียบชาร์จไว้ในห้องทำงานชาญชัยก็หายไป

เจ้าหนี้นอกระบบส่งสมุนมาเตือนชลธีว่าใกล้กำหนดจ่ายเงินแล้ว พาขวัญช็อคเมื่อรู้ว่าชลธีไปกู้หนี้มาเพื่อรักษาชาญชัย ชลธีบอกว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณพี่ชายที่เสียสละหาเงินส่งเขาเรียนเมืองนอก เมื่อพี่ชายประสบอุบัติเหตุแบบนี้ เขาจะนิ่งดูดายไม่ได้ พาขวัญเริ่มคิดเรื่องเซ็นสัญญากับค่ายพีไอจีเพื่อช่วยชลธี

ชลธีเสียใจจนหมดแรงที่จะทำอะไรได้ เขาบอกพาขวัญให้กลับไปอยู่บ้าน แต่พาขวัญอาสาจะอยู่เป็นเพื่อนชลธี ชายหนุ่มซึ้งในน้ำใจพาขวัญ ตกดึกพาขวัญนั่งรวบรวมข้อมูลธีสิสที่ได้จากการเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกในวงชาญชลธีมาร่วมสามเดือน  เธอเห็นไฟในห้องนอนชลธีเปิดอยู่จึงไปอุ่นนมร้อนมาให้ แต่คลาดกับชลธีที่เดินไปหาพาขวัญที่ห้องทำงานดอกคูน พาขวัญเดินกลับมาที่ห้องก็พบว่าชลธีกำลังอ่านข้อมูลที่ในแล็ปท็อปของเธออยู่

ชลธีเสียใจและผิดหวังมากที่มองพาขวัญผิดไป ที่แท้เธอก็เข้ามาในวงชาญชลธีเพียงเพื่อต้องการข้อมูลในการทำธีสิสแค่นั้นเอง พาขวัญพยายามอธิบาย แต่ชลธีก็ไม่ฟัง ไล่ให้พาขวัญกลับบ้านไป เจ้าหนี้นอกระบบมาทวงหนี้แต่ชลธีไม่มีให้ เลยถูกขนของไปจนหมดบ้าน นกเขามาเห็นพอดีจึงรีบโทรบอกเจ๊หอมให้รีบมาเอาของไปบ้าง เดี๋ยวจะไม่เหลืออะไร ด้วยพอจะรู้ลู่ทาง นกเขาจึงเข้าไปขนเครื่องดนตรีและของที่จะพอมีเหลือในห้องดอกคูน นกเขาถึงจะกลัวแต่ก็เข้าไปขนของในห้องนั้นจนเกลี้ยง โดยขนขึ้นรถนันทพงศ์ที่จอดอยู่นอกรั้วบ้านไป

พาขวัญโทรบอกวิไลเรื่องทั้งหมด และฝากวิไลกลับไปดูชลธีบ้างแต่อย่าเพิ่งบอกชาญชัยว่าวงแตกแล้ว ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลเธอจะขอให้อรรถพลช่วยออกให้ วิไลรับปากด้วยความเป็นห่วงทั้งพาขวัญและชลธี

ชลธีนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในบ้านที่ไม่เหลืออะไร มีเพียงกองใบแจ้งหนี้สุมเต็มไปหมด แก๊งทวงหนี้นอกระบบบุกเข้ามาแล้วอุ้มชลธีไป ชลธีถูกพาไปรุมซ้อมในเซฟเฮ้าส์และบังคับให้เลือกระหว่างส่งยาเสพติดใช้หนี้ หรือจะยอมขายตัวให้กะเทย ชลธีไม่ยอมทั้งสองอย่างเลยถูกซ้อมจนสลบไป นันทพงศ์ตัดสินใจจะบวช แต่หลวงตาเผือกเห็นว่าจิตใจยังไม่สงบ จึงบอกให้อาศัยเป็นเด็กวัดไปก่อน จนกว่าจะตัดทางโลกได้จริง ชลธีฟื้นขึ้นมาในห้องนอนของแจ๊คเกอลีน เศรษฐีกะเทยไทยวัยดึก เขาขอให้แจ๊คเกอลีนปล่อยเขาไป แต่แจ๊คเกอลีนปฏิเสธ

หลังจากที่แจ๊คเกอลีนได้รับรู้ราวเรื่องชีวิตของชลธี จึงวางแผนให้ชลธีอาศัยอยู่ในบ้านเธอไปก่อน โดยอ้างกับทางเจ้าหนี้ว่าติดใจในตัวชลธี ทั้งที่ความจริงไม่ได้มีอะไรกัน แต่เพื่อให้เขาหลบจากการตามของทีมทวงหนี้ ในระหว่างที่เธอจะจัดการเคลียร์หนี้ทั้งหมดกับทางเจ้าหนี้นอกระบบให้ โดยมีสัญญาใจกันบางอย่างกับชลธี วิไลถ่วงเวลาให้ชาญชัยอยู่โรงพยาบาลให้นานที่สุด เพราะไม่อยากให้ออกมารับรู้เรื่องชาญชลธีวงแตก จึงขอให้พาขวัญมาเยี่ยมชาญชัยแล้วเล่าเรื่องความเป็นไปในวงเพื่อให้ชาญชัยสบายใจขึ้น

รสรินถูกเสี่ยโรคจิตจับขังล่ามโซ่ไว้ในบ้านเหมือนสัตว์เลี้ยง ไม่ยอมให้ออกไปไหน และไม่ให้ติดต่อใครเด็ดขาด คืนหนึ่งรสรินเห็นพาขวัญไปรับโทรศัพท์ในงานการกุศลออกทีวี เลยออกอุบายเอามือถือจากคนรับใช้ของเสี่ยที่คอยเฝ้าเธออยู่มาโทรไปขอให้พาขวัญช่วย พาขวัญโทรบอกนันทพงศ์ให้ไปด้วยกัน ในที่สุดก็ช่วยรสรินออกมาได้ พาขวัญพารสรินมาพักอยู่ที่บ้านของเธอ ในฐานะญาติของวิไล

ชาญชัยตื่นขึ้นมาเห็นข่าวไฟไหม้สำนักงานของตัวเองจึงหนีออกจากโรงพยาบาล เพื่อกลับไปดู ขณะที่วิไลกำลังออกมารับสายดวงกมล ที่โทรมาต่อว่าเรื่องที่สมรู้ร่วมคิดกับพาขวัญไปอยู่ในวงดนตรีลูกทุ่ง วิไลตกใจมากว่าดวงกมลรู้ได้ยังไง ดวงกมลบอกให้วิไลดูข่าวทีวี เธอจึงได้เห็นคลิปหลุดลูกสาวรัฐมนตรีเต้นหางเครื่อง ซึ่งถูกปล่อยออกมาโดยธนัญญา ดวงกมลโกรธมากจนสั่งวิไลไม่ต้องกลับมาทำงานกับเธออีก เมื่อกลับเข้ามาที่ในห้องคนป่วย ชาญชัยก็หายไปแล้ว วิไลทำอะไรไม่ถูก

ดวงกมลไล่รสรินออกจากบ้านไปเพราะรู้ว่าเป็นหางเครื่องที่อยู่ในคลิปกับพาขวัญ พาขวัญแอบหนีตามรสรินไปด้วยโดยความร่วมมือของ จิ๋วหลิว (จุ๊กกะดุ๋ย-ดนยา รัตนธาดา) คนรับใช้ร่างอวบ ทั้งคู่มาหานันทพงศ์ที่วัดหลวงตาเผือก นันทพงศ์บอกว่ากำลังจะไปที่สำนักงานเพราะเพิ่งรู้ข่าวจากหลวงตาว่าเกิดไฟไหม้

ที่สำนักงานชาญชลธี เหล่าบรรดาผู้แพ้ทั้งหลายได้มารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ทั้งชาญชัย  พาขวัญ  นันทพงศ์  รสริน ภารวี  จีน่าและวิไลที่ตามมาทีหลัง ภารวีขอโทษวิไลที่หลงเชื่อและทำตามแผนการณ์ของมณีรัตน์ ทำให้ชาญชัยและวิไลเข้าใจผิดกัน ชลธีขอแจ๊คเกอลีนกลับมาดูบ้าน และได้พบกับชาญชัย สองพี่น้องโผเข้ากอดกัน ชลธีขอโทษที่รักษาวงของพ่อไม่ได้ ชาญชัยบอกไม่เป็นไรยังพอมีอีกทางคือเขาได้สมัครส่งวงเข้าประกวดชิงเงินรางวัล 5 ล้านบาทไว้

ชลธีแนะนำให้ชาญชัยรู้จักกับแจ๊คเกอลีน แฟนคลับของดอกคูนตั้งแต่เริ่มตั้งวงใหม่ๆ พอรู้ว่าชลธีเป็นลูกของดอกคูนก็เลยช่วยเหลือและเคลียร์กับเจ้าหนี้นอกระบบให้ แจ๊คเกอลีนบอกว่าจะช่วยชุบชีวิตของวงชาญชลธีขึ้นใหม่ ให้ไปตามทุกคนกลับมาให้ทันประกวด

ชลธีอาสาแต่งเพลงสุดท้ายที่ยังแต่งไม่จบของพ่อให้สำเร็จ โดยมีธีรวิทย์ช่วยเข้ามาทำซาวน์ดนตรีให้ทันสมัยแต่ก็ยังมีความเป็นลูกทุ่งชัดเจนอยู่ในเพลง และที่เซอร์ไพรซ์สุดๆ ก็คือ เจ๊หอมเข้ามาประกาศยกหนี้ให้และยกโกดังเก่าของเธอให้เป็นที่ซ้อมพร้อมคืนเครื่องดนตรีที่ยึดมาให้กับวงอีกด้วย โดยมีข้อแม้ว่าชาญชัยจะต้องยอมหอมแก้มเธอแล้วถ่ายเซลฟี่ ชาญชัยทำตามด้วยความยินดี และบอกว่าถ้าชนะแล้วได้เงินรางวัลมาจะเอาไปใช้หนี้เจ๊หอมทุกบาททุกสตางค์...แสงสว่างเริ่มปรากฏที่ปลายอุโมงค์

ในวันประกวดซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พาขวัญต้องส่งงานธีสิสจบการศึกษาของเธอ วงชาญชลธีจับสลากได้เป็นวงสุดท้ายในการขึ้นประกวด ด้วยเพลงที่แต่งใหม่ของชลธี โดยมีพาขวัญเป็นคนร้อง นัชชาออกแบบชุดให้ เจ๊หอมเป็นแม่ยกร่วมกับแจ๊คเกอลีน ส่วนค่ายพีไอจีโดยเอกภพก็ส่งมณีรัตน์ขึ้นโชว์ในงานเพื่อเป็นการเปิดตัวศิลปินใหม่ในงานนี้ด้วย โดยมณีรัตน์ลิปซิงค์เสียงของภารวี แจ๊คเกอลีนเป็นคนซื้อเพลงของดอกคูนทั้งหมดจากเพทายตอนเพทายร้อนเงินเพราะเสียพนันในบ่อน แล้วให้ชลธีเอามาคืนชาญชัย

พาขวัญรีบกลับมาเพื่อให้ทันส่งงานที่คณะ แต่ก็ถูกสื่อมวลชนรุมขอสัมภาษณ์ ทำให้กลับมาที่มหาวิทยาลัยไม่ทัน ครูเอกบอกให้เธอรอส่งงานใหม่ปีหน้า ธนัญญาถูกเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายมาทวงวงศกรคืนในงานส่งธีสิส โดยที่ลักษมีเป็นคนหักหลังให้ข้อมูลของธนัญญากับเมียหลวง ศรุตตามไปช่วยปลอบใจธนัญญา

พาขวัญตัดสินใจแสดงงานของตัวเองที่ในโรงอาหาร ไม่ว่าครูเอกจะตัดสินให้คะแนนผลงานของเธอหรือไม่ คนในวงชาญชลธีตามมาทันและช่วยประกอบร่างโชว์ของพาขวัญให้ออกมาจนได้ นักการภารโรง รปภ. แม่ค้า ตลอดจนนักศึกษาต่างสนุกสนานไปกับโชว์ของพาขวัญ อรรถพลขึ้นไปร่วมแสดงกับลูกสาวแบบที่ไม่ได้เตรียมตัวกันมาก่อน สร้างความตื่นเต้นให้คนดูมากข

แกลลอรีGallery นางฟ้าเปื้อนฝุ่น