โดมทอง
โดมทอง
 

โดมทอง

ละครหลังข่าว จันทร์ - อังคาร เวลา 20.30 น.

บทประพันธ์ : วราภา บทโทรทัศน์ : ภาวิต

วีรภาพ สุภาพไพบูลย์,ทัศนียา การสมนุช,ดวงดาว จารุจินดา,จีรนันท์ มะโนแจ่ม,กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า,กวินตรา โพธิจักร,ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล,นนทพันธ์ ใจกันทา,กวิตา จินดาวัฒน์,ภูมิภาฑิต นิตยารส

เรื่องย่อโดมทอง

คุณมณฑา  หญิงสาวงามสง่าตระกูล  แต่เป็นคนรักแรงเกลียดแรง  แฝงด้วยความอำมหิตอย่างคาดไม่ถึง  ได้สมรสกับเจ้าพระยาสรรักษ์ไกรณรงค์ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) เจ้าของคฤหาสน์ที่สวยงามราวกับความฝันชื่อ “โดมทอง” ซึ่งด้านหน้าติดภูเขา  ด้านหลังติดทะเล  โดยได้พาน้องสาวที่เกิดจากภรรยาคนสุดท้ายของบิดามาด้วย

คุณพลับพลึง (ทัศนียา  การสมนุช)  หรือ คุณน้อย จึงมีอายุห่างจากคุณมณฑาค่อนข้างมาก  ในขณะที่คุณมณฑาเข็มงวด  เจ้าอารมณ์  สร้างความตึงเครียจอึดอัดกับผู้ที่อยู่ใกล้  แต่คุณพลับพลึงและเสียงเพลงลาวครวญจากจะเข้ของเธอกลับนำความสดใสมีชีวิตชีวามาสู่โดมทองและท่านเจ้าคุณสรรักษ์ฯ

คุณมณฑาเริ่มเอะใจเมื่อท่านเจ้าคุณสั่งให้ปลูกทุ่งดอกพลับพลึง  แต่ท่านก็แก้โดยปลูกต้นมณฑาไว้ในสวน นางพิศ (อำภา ภูษิต) บ่าวคนสนิตคอยยุยงว่าทำไมถึงปลูกพลับพลึงมากมายเป็นทุ่ง  แต่ปลูกมณฑาไม่กี่ต้น  ท่านเจ้าคุณก็แก้ได้อีกว่าต้นมณฑาไม่เหมาะกับปลูกเป็นทุ่งเหมือนพลับพลึง..คุณมณฑาถึงจะไม่พอใจแค่ไหน..ก็ไม่กล้าแสดงออกมากนักด้วยเกรงใจสามี  โดยกลับมาไล่เบี้ยกับน้องสาวแทน

ถึงแม้จะเกรงกลัวพี่สาวขนาดไหน  คุณพลับพลึงผู้อ่อนไหวและเยาว์วัยก็ไม่อาจต่อต้านความรัก..ความปราถนาของท่านเจ้าคุณได้  ทั้งสองลักลอบมีความสัมพันธ์กัน  ขณะที่คุณมณฑาตั้งครรภ์  นางพิศบ่าวคนสนิทเป็นคนจับได้แล้วนำมาฟ้องเจ้านาย  คุณมณฑาเคียดแค้นจนแทบกระอักเป็นเลือด  ระหว่างท่านเจ้าคุณไปทำงาน  คุณมณฑาสั่งให้นางพิศโบยคุณพลับพลึงจนสลบ  พร้อมทั้งสั่งห้ามไม่ให้เรื่องนี้ถึงท่านเจ้าคุณเด็ดขาด  ขณะเดียวกันคุณหญิงก็มารยาแพ้ท้องมากมายจนท่านเจ้าคุณไม่อาจปลีกตัวมาพบคุณพลับพลึงได้  และถึงแม้จะพบโดยบังเอิญคุณพลับพลึงก็จะพยายามหลบหน้าหลบตา  หรือไม่คุณมณฑากับนางพิศก็จะเข้ามาในบริเวณนั้น

จนกระทั้งวันหนึ่ง  ท่านเจ้าคุณต้องไปราชการต่างจังหวัด  ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงคุณพลับพลึง  ท่านเจ้าคุณจึงหาโอกาสมาร่ำลา  ซึ่งก็ไม่ได้พ้นสายตาของนางพิศ  ซึ่งได้รับคำสั่งให้คอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาแทนเจ้านาย  ท่านผู้หญิงแค้นแสนแค้นแต่พยายามเก็บอารมณ์ไว้  ยิ่งได้สังเกตเห็นแววตาท่านเจ้าคุณที่ลอบมองน้องสาวอย่างเป็นห่วงและอาลัยอาวรณ์  ท่านผู้หญิงแค้นแสนแค้น  หากพยายามเก็บอารมณ์ไว้

เมื่อท่านเจ้าคุณไปแล้ว  ท่านผู้หญิงไม่รอช้าสั่งให้นางพิศไปพาพี่ชายมา  แล้วสั่งให้ทั้งสองจับ  คุณพลับพลึงไปล่ามโซ่ขังในห้องบนยอดโดมทอง  คุณพลับพลึงพยายามขอร้องให้ฆ่าเธอให้ตายเสียดีกว่า  จะขังทรมานกันแบบนี้  แต่ท่านผู้หญิงกลับหัวเราะเยาะบอกว่าการฆ่ามันไม่สาแก่ใจเท่ากับการที่ต้อง   ทนทุกข์ทรมาน  คุณพลับพลึงร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด  แต่นั่นกลับทำให้ท่านผู้หญิงสะใจ   คุณพลับพลึงถูกขังอยู่ในนั้นไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน  ไม่ได้กินข้าวกินน้ำ  นายพัน  ซึ่งรู้สึกผิดได้แอบเอาข้าว   เอาน้ำมาให้  เมื่อท่านผู้หญิงจับได้จึงไล่ออกไปไม่ให้มาเหยียบโดมทองอีก  และได้สั่งนางพิศให้ตอกตะปู  ปิดตายห้องนั้น  คุณพลับพลึงตะโกนออกมาว่า “คุณพี่ใจร้ายเหลือเกิน  อิฉันจะไม่ไปไหนจะอยู่รอดูวันสุดท้ายของคุณพี่”

ท่านเจ้าคุณกลับมาไม่เห็นคุณพลับพลึง  ท่านผู้หญิงรายงานว่าน้องสาวหนีออกไปเพราะสำนึกผิดที่แย่งสามีพี่สาว  ท่านเจ้าคุณตกใจที่ภรรยารู้ความจริง  ท่านผู้หญิงมารยาน้ำตาไหลซึมเศร้าทำให้ท่านเจ้าคุณไม่กล้าต่อความยาวสาวความยืด  อีกทั้งเห็นภรรยากำลังท้องกำลังไส้  ท่านผู้หญิงทำเป็นส่งคนออกตามหาน้อง  แต่ก็ไม่พบ  ท่านเจ้าคุณนั้นคิดมากจนตรอมใจล้มเจ็บ  ก่อนสิ้นใจท่านได้ตั้งจิตอธิฐานว่าจะไม่ยอมไปผุดไปเกิดจนกว่าจะตามหาคุณพลับพลึงพบ  หลังจากนั้นท่านผู้หญิงได้สั่งให้เก็บรูปท่านเจ้าคุณและรูปเขียนของคุณพลับพลึงไว้ในห้องเก็บของและปิดตายตั้งแต่นั่น

“โดมทอง” ในปี 2500 ยังคงความสง่างามและดูจะขลังยิ่งกว่าเดิม  ภายในบ้าน  อดิศวร์  วโรดม (วีรภาพ   สุภาพไพบูลย์)  หลานชายคนเดียวของท่านผู้หญิงสรรักษ์ฯ  ซึ่งบัดนี้แก่ชราลงไปตามกาลเวลาเข้ามาลาท่านเพื่อลงไปกรุงเทพฯ  อดิศวร์นั้นมีรูปร่างหน้าตาเหมือนท่านเจ้าคุณราวกับพิมพ์เดียวกัน  เหมือนเสียจนกระทั่งบางครั้งเมื่อท่านผู้หญิงกำลังเหม่อลอยและเขาเข้ามาหา  ท่านจะพลั้งปากเรียกผิด  ท่านผู้หญิงไม่อยากให้อดิศวร์ไปเพราะวันนั้นเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ  ซึ่งเป็นวันที่ทรมานที่สุดของท่าน  เพราะดวงวิญญาณคุณพลับพลึงจะทรงพลังมากเพราะเป็นวันตายและเป็นวันที่คุณพลับพลึงอธิษฐานไว้จะปรากฏให้เห็น พร้อมกับเพลงลาวครวญอันวังเวงเยือกเย็นชวนขนลุก  อดิศวร์ซึ่งไม่เชื่อพยายามปลอบโยนและสั่งให้ 2 สาว  อุษา (กวินตรา  โพธิจักร) กับ แสงแข (ชวัลกร  วรรธนพิสิฐกุล) ซึ่งเป็นญาติห่างๆ คอยดูแลให้ดีด้วย  เขาจำเป็นต้องไปร่วมแสดงความยินดีกับ พิณทอง ผู้มีศักดิ์เป็นหลานสาวซึ่งจะเข้าพิธีหมั้นกับ  พิชญ์  ชายหนุ่มชาติตระกูลดี

ในวันที่เดินทางมากรุงเทพฯ  อดิศวร์และเพื่อนๆ ซึ่งนานๆ จะพบกันทีได้ชวนกันไปรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง  และได้พบกับ  วิรงรอง (ทัศนียา  การสมนุช) เป็นครั้งแรก  อดิศวร์รู้สึกสะดุดตาเป็นอย่างมากด้วยความสวยน่ารักสดใสและมีชีวิตชีวาของเธอ  วิรงรองมากับ อนิรุทธ์ (นนทพันธ์  ใจกันทา) เพื่อนสนิท  ความสวยสะดุดตาของอดิศวร์กลับกลายเป็นความดูถูกทันทีที่ชายหนุ่มอีกคนเข้ามาในร้าน  เขามาต่อว่าวิรงรองด้วยความหึงหวงจนเกือบชกต่อยกัน  วิรงรองดูไร้ค่าทันทีในสายตาของผู้ชายค่อนข้างเข้มงวดอย่างอดิศวร์  วิรงรองกลับมาถึงบ้าน ด้วยความโกรธและอับอายโดยมีอนิรุทธ์มาส่ง  พิชญ์ตามมาขอโทษและปรับความเข้าใจพร้อมกับเอาแหวนออกมายืนยันว่าเขาจะแต่งงานกับเธอแน่นอน  วิรงรองจึงย้อนถามว่าแล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ  พิชญ์ขอเวลาจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อยและยืนยันว่าเขารักเธอคนเดียว  ในขณะที่วิรงรองใจอ่อนจะยอมให้พิชญ์สวมแหวน  คุณปราง (กาญจนา  จินดาวัฒน์) มารดาวิรงรองกลับบ้านพอดี  ความเยือกเย็นของคุณปรางทำให้พิชญ์กลับไปไม่กล้าโต้แย้ง

ในงานหมั้นของพิชญ์และพิณทอง (กาญจน์เกล้า  ด้วยเศียรเกล้า) อดิศวร์ได้พบกับพิชญ์เป็นครั้งแรกทำให้เขาห่วงหลานสาวทันที  เพราะดูท่าทางแล้วพิณทองผู้อ่อนโยนอาจจะต้องเสียใจเพราะผู้หญิงที่อดิศวร์คิดว่ามารยาคนนั้น  และเขาไม่รีรอเลยที่จะพูดเป็นเชิงรู้ทันเมื่ออยู่ตามลำพังกับพิชญ์ว่า  พิณทองเป็นคนดีมากหวังว่าพิชญ์คงจะไม่ทำให้เธอเสียใจ  ทำให้พิชญ์หวาดระแวงอดิศวร์ว่าจะรู้เรื่องเขากับวิรงรอง

ทางด้านคุณปรางเห็นลูกสาวซึมไป  จึงปรึกษากับ คุณสุรภี (กาญจนาพร  ปลอดภัย) คุณสุรภีนึกได้ว่าญาติผู้ใหญ่ของท่านที่โดมทองกำลังต้องการพยาบาลคนใหม่เพราะคนเก่าลาออกไป  เพราะทนความเจ้าอารมณ์ของท่านผู้หญิงไม่ไหว  คุณปรางเห็นเป็นโอกาสดีที่จะแยกวิรงรองให้ไกลจากพิชญ์  อีกทั้งบรรยากาศใหม่ๆ อาจจะทำให้วิรงรองดีขึ้นจากอาการซึมเศร้าได้  ซึ่งวิรงรองก็ตอบรับในทันที

เมื่อเดินทางไปถึงโดมทอง  วิรงรองพบว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ตรงกับความฝันและความหวังของเธอ  นั้นคือความสวยงามของโดมทอง  แต่กระนั้นก็ยังสัมผัสได้กับความลึกลับ  ความน่ากลัว  และโศกเศร้าที่ดูเหมือนจะแทรกอยู่ในทุกอณูของบ้าน  นอกจากนั้นวิรงรองยังได้ยินเสียงเพลงลาวครวญอันโหยหวนดังมาจากยอดโดมทอง  ยิ่งได้พบกับอดิศวร์เธอยิ่งแปลกใจกับความเย็นชาระคนกับความไม่พอใจของอดิศวร์ที่มีต่อเธอ  และเมื่อเขาพาเธอไปแนะนำกับท่านผู้หญิง  ทุกคนในที่นั้นแม้กระทั้งอดิศวร์เองก็ยังอดประหลาดใจและตกใจไม่ได้  เมื่อท่านผู้หญิงได้แสดงความหวาดกลัว  และเกลียดชังวิรงรองอย่างสุดๆ  และเรียกเธอว่านังพลับพลึง  จนอดิศวร์ต้องให้อุษาพาเธอออกไปก่อน  ท่านผู้หญิงสั่งให้อดิศวร์ไล่อีนังพลับพลึงออกไป  ซึ่งทำให้แสงแขแอบดีใจเพราะความสวยสดใสของวิรงรองทำให้เธอหวาดระแวงว่าอดิศวร์จะพอใจวิรงรอง

เมื่ออดิศวร์ออกมา  วิรงรองขอกลับกรุงเทพฯ  แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเขาปฏิเสธโดยไม่บอกเหตุผล  ซึ่งแม้แต่อุษากับแสงแขก็แปลกใจเช่นกัน  อุษานั้นแปลกใจแถมยินดีด้วยรู้สึกถูกชะตากับวิรงรอง  ส่วนแสงแขยิ่งเพิ่มความริษยาและเกลียดชังวิรงรองมากขึ้น  ถึงแม้อดิศวร์จะห้ามไม่ให้ทุกคนเอ่ยถึงวิรงรอง กับคุณหญิง  แสงแขก็ทำเป็นเผลอไผลทำให้ท่านผู้หญิงรู้  อดิศวร์ยืนยันกับท่านว่าเขามีเหตุผลที่ต้องให้วิรงรองอยู่ที่โดมทองต่อไป  ซึ่งเหตุผลกระจ่างขึ้นในทันทีที่พิชญ์กับพิณทองมาฮันนีมูนที่โดมทอง

ยิ่งอยู่โดมทองนานเข้าวิรงรองยิ่งพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ลึกลับเรียกร้องให้เธอค้นหา  เสียงกรีดร้องของท่านผู้หญิงด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีดในยามดึกโดยเฉพาะคืนจันทร์เพ็ญ 

ผู้ชายในเครื่องแต่งกายโบราณนั่งรถม้ามาหยุดหน้าโดมทองแล้วเงยหน้าขึ้นมองเหมือนจะรอใครสักคน  เสียงโซ่ที่เหมือนถูกลากตามพื้น  เงาลึกลับของผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนบ่าวสมัยโบราณที่คอยวนเวียนอยู่ภายนอกบ้าน  ทำให้วิรงรองข่มความหวาดกลัวและพยายามสืบหาความจริง  นับตั้งแต่เข้าไปในห้องเก็บของที่ปิดตายจนพบรูปวาดของคุณพลับพลึงที่เหมือนเธอราวกับแกะ  รูปของท่านเจ้าคุณสรรักษ์ไกรณรงค์ที่เหมือนกับอดิศวร์ราวกับพิมพ์เดียว  และวิญญาณนางพิศซึ่งวิรงรองเข้าใจว่าเป็นแม่บ้านของท่านผู้หญิง  จะมาปรากฏตัวคอยขัดขวางด้วยใบหน้าเย็นชาไร้ชีวิตจิตใจทุกครั้งที่วิรงรองกำลังจะค้นพบความจริงบางอย่าง  ความริษยาถึงขั้นปองร้ายถึงชีวิตของแสงแข  ความเป็นมาของ   พันธุ์สูรย์  ชายหนุ่มคนรักผู้ลึกลับของอุษา  และที่ร้ายที่สุดคืออดิศวร์  ซึ่งวิรงรองไม่เข้าใจว่าเกลียดชังเธอเรื่องอะไร  

ภูไท  เจ้าของปางไม้ภูไทและน้องสาวชื่อ   ลานนา   มาเยี่ยมท่านผู้หญิงและอดิศวร์ที่โดมทอง  ที่จริงแล้วทั้งสองพี่น้องเป็น เพื่อนเล่นกับอดิศวร์  อุษา  แสงแข  รวมทั้งพันธุ์สูรย์ด้วยมาตั้งแต่เด็ก  เมื่ออดิศวร์   ไล่พันธุ์สูรย์ออกจากบ้านเพราะจับได้ว่าเขารักกับอุษา   พันธุ์สูรย์ก็หลบไปทำงานกับภูไทที่ปางไม้    เรื่องความรักของเขากับอุษา ภูไทกับลานนาก็รู้ดี   การมาวันนี้เป็นการกลับมาพบกันของเพื่อนเก่าจริงๆ  เมื่อลานนาทักวิรงรองอย่างตื่นเต้น  สองสาวสนิทกันมากตั้งแต่เรียนอยู่ต่างประเทศ  ลานนาเองรู้จักพิชญ์ด้วยเช่นกัน แล้วก็ถึงวันที่พิณทองกับพิชญ์มาถึงโดมทอง   พิชญ์ตกใจที่พบวิรงรองที่นี่โดยที่อดิศวร์แนะนำว่าเธอเป็นญาติเขา  วิรงรองไม่มีท่าทางผิดปกติเธอทำราวกับพบพิชญ์เป็นครั้งแรก   ตรงข้ามกับพิชญ์ที่มีพิรุธจนเห็นได้ชัด  ไม่ใช่เพียงอดิศวร์ที่แปลกใจกับอาการสงบนิ่งของวิรงรอง   ตัวเธอเองก็แปลกใจที่สามารถเผชิญหน้ากับพิชญ์ได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลย   เวลานี้เธอยอมรับเขาได้ในฐานะเพื่อนเท่านั้น  หลังอาหารค่ำวิรงรองหลบไปเดินเล่นที่ชายหาดคนเดียว  กว่าจะรู้ว่าพิชญ์แอบตามมาด้วยเขาก็มาถึงตัวเธอแล้ว   พิชญ์พยายามขอคืนดีกับวิรงรอง  แต่เธอไม่ยอม   เขาหาว่าเธอรักกับอดิศวร์จึงฉวยโอกาสไล่ให้เขาแต่งงานกับพิณทอง   วิรงรองไม่ยอมพูดเรื่องนี้   เธอพยายามไล่ให้พิชญ์กลับไปหาพิณทอง   แต่กลับทำให้เขาโกรธ   พิชญ์ฉวยโอกาสดึงตัวเธอมากอด แต่เธอกลับตบหน้าเขาอย่างแรงและไล่ให้เขากลับไปหาพิณทองที่กำลังเดินตามมา  วิรงรองย้ำกับพิชญ์เสียงเข้มว่าเรื่องระหว่างเธอกับเขาจบไปแล้วและไม่มีทางที่เธอจะกลับไปหาเขาอีก   เมื่อพิชญ์ไปแล้ววิรงรองฟุบตัวร้องไห้อย่างเสียขวัญ   เธอเจ็บใจที่พิชญ์หมิ่นน้ำใจและดูถูกเธอเหลือเกิน   เสียงของอดิศวร์ที่พูดถึงรอยฝ่ามือเธอบนหน้าพิชญ์ทำให้วิรงรองตกใจมากเธอรีบเช็ดน้ำตาทันที  ขณะที่เขาพูดต่อเรื่อยๆว่าเขานั่งเล่นตรงนี้นานแล้วและได้ยินทุกอย่าง  วิรงรองเงียบกริบเมื่อจู่ๆอดิศวร์บอกให้เธอแต่งงานกับเขาและอยู่ที่โดมทองต่อไป   เธอเข้าใจว่าเขาจะแต่งงานกับเธอเพื่อรั้งตัวไว้ไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับพิชญ์อีก   วิรงรองอิจฉาพิณทองที่มี   อดิศวร์คอยช่วยและทำทุกอย่างเพื่อให้หลานสาวมีความสุขช่างตรงข้ามกับเธอที่ไม่มีใครเข้าใจสักคน  วิรงรองเถียงอดิศวร์อย่างลืมตัวชายหนุ่มดึงเธอมากอดและจูบคนช่างพูดอย่างอ่อนโยนอบอุ่น  วิรงรองรู้สึกราวกับโลกหยุดหมุน  อ้อมกอดของอดิศวร์อบอุ่นและคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก   เธอผละจากเขาทันทีที่รู้สึกตัวแต่เขาไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ทำร้ายเขาเหมือนพิชญ์  อดิศวร์หัวเราะพูดอย่างรู้ทันพลางรวบมือเธอไว้แล้วรีบจูงเดินย้อนกลับไปรวมกับคนอื่นๆ พิณทองล้อทั้งคู่จนวิรงรองอายหน้าแดงทำให้แสงแขเพิ่มความเคียดแค้น  ชิงชังเธอมากขึ้นไปอีก   

คืนนั้นดึกมากแล้วเมื่อแสงแขมาเคาะประตูห้องเรียกเธอออกไปคุยที่ระเบียงและขู่ไม่ให้เธอยุ่งกับอดิศวร์   วิรงรองเห็นใจแสงแขจึงแกล้งหลอกว่าเธอมีคนรักแล้วเขาอยู่กรุงเทพอีกไม่นานเธอจะกลับ   ไปหาเขาเธอไม่สนใจอดิศวร์เลยสักนิด  แสงแขไม่ค่อยเชื่อนักย้ำแล้วย้ำอีกจนวิรงรองอ่อนใจ  เมื่อแสงแขยอมเชื่อและแยกไปนอนแล้ว   วิรงรองกลับยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงนั้นจนดึก   เธอเหนื่อยใจกับคนที่นี่เหลือเกิน   ไม่มีใครยอมฟังและเชื่อในสิ่งที่เธอบอกเลยนอกจากอุษา   ฝนเริ่มตกและหนักขึ้นทุกทีแต่หญิงสาวคง   ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น  เสียงเพลงหวานเศร้าแว่วมาอีกแล้วพร้อมเสียงรถม้า   คราวนี้วิรงรองตั้งใจจะดูให้เห็นกับตาว่าใครขับรถม้า   เมื่อเสียงรถม้าหยุดใต้ระเบียงหญิงสาวจึงชะโงกตัวลงไปดูจนเกือบพลัดตกระเบียง    ดีว่าอดิศวร์เข้ามารวบตัวอุ้มไว้ทัน   เขาพูดไม่ออกเมื่อเห็นวิรงรอง   เธอเปียกโชกทั้งตัว  หน้าซีด  ตัวรุมร้อนเหมือนจะมีไข้   อดิศวร์รีบอุ้มเธอไปหาอุษาให้ช่วยดูแล   อุษาเองก็ตกใจมากและแปลกใจที่อดิศวร์กุลีกุจอช่วยเธอปฐมพยาบาลวิรงรองจนดึกกว่าจะยอมไปนอน   คืนนั้นวิรงรองจึงต้องนอนกับอุษา   เธอไข้สูงจนไม่มีใครกล้าปล่อยให้เธอกลับไปนอนที่ห้องตามลำพัง  วันรุ่งขึ้นอดิศวร์คอยช่วยอุษาสลับไปดูแลท่านผู้หญิง  เขาอยู่กับท่านครั้งละนานๆเพื่อให้อุษาได้ดูแลวิรงรองเต็มที่   อดิศวร์อ่อนโยนกับวิรงรองอย่างที่ไม่เคย   ทำมาก่อน  หญิงสาวหายป่วยทันงานเลี้ยงส่งพิชญ์กับพิณทอง  พันธุ์สูรย์ฉวยโอกาสหลบมาพบอุษาโดย  ภูไท  ลานนา  และวิรงรองคอยช่วย  แต่อดิศวร์ก็รู้จนได้  เขารีบตามออกไปที่สวน  วิรงรองกับภูไทรีบตามไปติดๆ  อดิศวร์ว่าพันธุ์สูรย์แรงหลายคำและพยายามปลอบอุษาให้กลับมาหาเขา   พันธุ์สูรย์แค้นใจจึงบอก อดิศวร์ว่าการหายตัวไปของคุณย่าน้อยบางทีท่านผู้หญิงจะรู้ดีที่สุด  และเป็นไปได้ที่คุณย่าน้อยจะไม่ได้ออกไปไหนเธออาจอยู่ที่ไหนสักแห่งในโดมทองนี้   คำพูดของเขาทำให้ทุกคนอึ้งไปหมด  เมื่ออดิศวร์ได้สติเขาต่อยพันธุ์สูรย์แล้วพาอุษากลับเข้าบ้านทิ้งทุกคนไว้ที่นั่น  วิรงรองน้อยใจเขาจนบอกไม่ถูก  ภูไทไล่พันธุ์สูรย์กลับไปและอยู่เป็นเพื่อนวิรงรอง   ผ่านไปครู่เดียวลานนาก็ลงมาหาเธอต่อว่าเพื่อนสาวที่ไม่ยอมบอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอดิศวร์กับเธอ   ลานนาไม่ปล่อยให้วิรงรองงงนาน   เธอบอกว่าอดิศวร์เพิ่งประกาศในงานว่าเขากำลังจะแต่งงานกับวิรงรอง  หญิงสาวพูดไม่ออกข่มความน้อยใจ   อดิศวร์ทำอะไรตามใจตัวเองและบังคับจิตใจเธอเหลือเกิน  แต่หญิงสาวก็สวมบทบาทว่าที่เจ้าสาวอย่างน่ารัก งานเลี้ยงเลิกทุกคนกลับไปหมดโดมทองเงียบสนิท  วิรงรองตัดสินใจจะหนีไปหาลานนา   เธอทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้วแต่ไม่ทันที่เธอจะออกไป   อดิศวร์เข้ามาเห็นพอดีเขารับอาสาจะไปส่งเธอที่บ้านภูไทให้  วิรงรองเดินไปขึ้นรถอย่างกระบึง   กระบอน  บรรยากาศในรถเงียบกริบจนกระทั่งหญิงสาวทนไม่ไหว  เธอเอะใจว่าจะถูกหลอก   บ้านภูไทอยู่ไกลเกินไปไม่เหมือนที่ลานนาบอกเธอเลย   เมื่อเธอประท้วงเขา   อดิศวร์กลับรับว่าเขาไม่คิดจะพาเธอไปบ้านนั้นเลยและไม่มีทางเป็นไปได้   เขาไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแน่นอน   วิรงรองโกรธจนพูดไม่ออก    อดิศวร์จึงค่อยๆปรับความเข้าใจกับเธอ  แต่กว่าวิรงรองจะได้ยินคำว่ารักก็ยากเต็มที  น่าแปลกที่เธอเชื่อเขาและเพิ่งรู้ใจตัวเองว่าเธอรักเขาเช่นกัน   วิรงรองยอมกลับไปโดมทองอย่างเต็มใจ   เมื่อพิชญ์กับพิณทองกลับไปแล้ว  วิรงรองเริ่มสบายใจขึ้นบ้าง  คืนหนึ่งอดิศวร์พาเธอไปงานเลี้ยงที่จวนผู้ว่ากว่าจะกลับดึกมาก   คืนนั้นเป็นคืนวันเพ็ญวิรงรองจึงชวนให้เขารอดูรถม้าลึกลับด้วยกัน  อดิศวร์ตื่นเต้นที่เห็นว่ารถม้ามีจริงๆ  เขาบอกเธอว่าชายคนที่ขับรถม้าไม่ได้มองห้องนอนวิรงรอง   สายตาเขามองเลยขึ้นไปที่โดมทองต่างหาก   เช้าวันต่อมาอดิศวร์กับตาแสงคนขับรถขึ้นไปรื้อประตูและขึ้นไปที่โดมทอง  วิรงรองกับอุษาตามไปด้วย   บนนั้นมีประตูปิดตายอีกหนึ่งบานอดิศวร์สั่งรื้อทันที    เมื่อประตูเปิดทุกคนจึงเห็นว่ามีห้องอยู่อีกห้องหนึ่งทั้งที่ไม่น่าจะมีทั้งหมดค่อยๆเดินเข้าไปในห้อง   ที่มุมห้องมีร่างทีเหลือเพียงโครงกระดูกโซ่ตรวนเส้นโตถูกล่ามไว้ที่ข้อเท้าอย่างน่าสงสาร    สร้อยคอทองคำห้อยล็อกเก็ตรูปเจ้าพระยาสุรรักษ์ไกรณรงค์ที่ตกอยู่ใกล้ๆ  ทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าเธอคือคุณพลับพลึงนั่นเอง    อดิศวร์คิดถึงเรื่องที่พันธุ์สูรย์บอกว่าที่จริงแล้วเจ้าพระยาสุรรักษ์ไกรณรงค์รักกับคุณพลับพลึง   การแต่งงานครั้งนั้นผิดฝาผิดตัว   ท่านจำต้องแต่งงานกับคุณมณฑาซึ่งเป็นพี่สาว  เมื่อภรรยาพาคุณพลับพลึงน้องสาวมาอยู่ด้วยทั้งคู่จึงหักใจไม่ได้  จนกระทั่งคุณมณฑาท้องจึงรู้ว่าสามีและน้องสาวมีความสัมพันธ์กัน  หลังเธอคลอดลูกซึ่งก็คือพ่อของอดิศวร์ไม่นาน   เจ้าพระยาสุรรักษ์ไกรณรงค์ต้องไปราชการหัวเมืองหลายวันและคุณพลับพลึงก็หายไปจากโดมทองตอนนั้นเอง  เสียงของวิรงรองที่บอกเขาให้ไขกุญแจโซ่ที่ล่ามข้อเท้าเธอทำให้อดิศวร์ได้สติ   เขาผลุนผลันออกไปจากห้องโดยมีวิรงรองวิ่งตามไปที่ห้องท่านผู้หญิง  เธอเข้าไปห้ามอดิศวร์ที่กำลังต่อว่าท่านอย่างรุนแรง     ท่านผู้หญิงปฏิเสธทุกอย่าง  เสียงของวิรงรองทำให้ทั้งคู่หันมาหาเธอ  ท่านผู้หญิงหน้าซีดเผือดตกใจ   ท่านเรียกชื่อพลับพลึงไล่เธอออกไปก่อนจะเป็นลมและสิ้นใจทันที   ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด   อดิศวร์ค้นกำปั่นข้างตัวท่านผู้หญิงซึ่งท่านหวงนักหนาจึงพบกุญแจ   เขารีบไปไขโซ่ที่ล่ามข้อเท้าคุณพลับพลึง  กุญแจพวงนั้นยืนยันได้ว่าท่านผู้หญิงอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด  อดิศวร์ต้องจัดงานศพถึงสองงานพร้อมกันเพียงแต่ร่างของคุณพลับพลึงต้องไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใกล้ๆเพื่อไม่ให้อื้อฉาวขณะที่ท่านผู้หญิงจัดที่บ้าน  หลังจากท่านผู้หญิงสิ้นอดิศวร์กับวิรงรองใกล้ชิดกันมากขึ้น ยืนยันความสัมพันธ์ที่มีต่อกันจนแสงแขแค้นใจแทบคลั่ง   เธอรู้ดีว่าอดิศวร์ต้องแต่งงานกับวิรงรองแน่นอน  ไม่มีใครขัดขวางเขาได้แน่  วันหนึ่งในระหว่างงานศพขณะที่วิรงรองคุยกับภูไทและลานนา   พันธุ์สูรย์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาบอกให้พาวิรงรองกลับไปข้างในบ้าน  เขาพูดไม่ทันขาดคำเสียงปืนดังขึ้น ร่างวิรงรองทรุดฮวบลงทันที  ภูไทรีบช้อนตัวเธอไว้จึงรู้ว่าเธอ  ถูกยิง   อดิศวร์ทั้งโกรธและแค้นที่สุดขณะที่หมอกำลังผ่าตัดกระสุนออกให้วิรงรอง    อดิศวร์คุยกับพันธุ์สูรย์ อย่างเคร่งเครียดและยิ่งโกรธเมื่อรู้ว่าแสงแขอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้   เขาให้พันธุ์สูรย์ประสานกับตำรวจตามล่ามือปืนให้ได้   หมอช่วยชีวิตวิรงรองไว้ได้อดิศวร์ดีใจมากเขาดูแลเธออย่างใกล้ชิดมากขึ้น  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้ว่าเขารักเธอมากแค่ไหนมือปืนถูกจับตัวได้ไม่กี่วันต่อมาให้การอดแสงแขว่าเป็นผู้จ้างวาน  แต่แสงแขชิงฆ่าตัวตายเสียก่อน เมื่อเรื่องร้ายๆผ่านไปที่โดมทองเตรียมงานมงคลสองงานคืองานแต่งงานของอุษากับพันธุ์สูรย์และงานของอดิศวร์กับวิรงรอง

แกลลอรีโดมทอง